วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2562

"เกาะกง"...มิตรภาพเชื่อมโยง...บนเส้นทางท่องเที่ยว ตราด-เกาะกง-สีหนุวิลล์


โอกาสนี้ผมอยากจะชักชวนเพื่อนๆ คนไทย เดินทางออกไปสัมผัสประเทศเพื่อนบ้านในระแวกใกล้เคียง บางทีอาจจะทำให้เรารู้ถึงที่มาที่ไปของตนเอง และจะได้รู้ว่า เราไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือ โดดเด่นอยู่เพียงผู้เดียว ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากมาย ที่ทั้งเขาและเราเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมระหว่างกันและกัน โดยหวังจะร่วมกันสร้างความรู้สึกในคุณค่า วิถีชีวิต ดุจญาติมิตรหรือครอบครัว

จังหวัดตราดที่มีแนวเขตชายแดนติดกับจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา มีวิถีชีวิตชุมชนที่ใกล้เคียงกัน และมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ เมื่อมีการเปิดเสรีอาเซียน จึงทำให้การเดินทางข้ามแดนสะดวกยิ่งขึ้นและเป็นอีกจุดแข็งหนึ่งที่ประชาชนในชุมชนตามเส้นทางจากจังหวัดตราดไปสู่เกาะกง จะได้รับประโยชน์จากการมาเยือนของนักท่องเที่ยว

บนเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงจาก เริ่มต้นจากชุมชนประมงพื้นบ้าน ..."บ้านไม้รูด" จังหวัดตราด ที่ผมเคยรีวิวไว้ในตอนที่ 1 (https://www.tiewzogzag.com/2019/09/1.html) วันนี้ผมจะพาเพื่อนผ่านชายแดนบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เดินทางเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา การข้ามแดน ก็ไม่ยากครับ เพียงเรามีหนังสือเดินทาง( Passport )  เพื่อข้ามฝั่งชายแดนไปเกาะกง มีเงินไทยก็สามารถใช้ได้ในเกาะกง ประชาชนในจังหวัดเกาะกงใช้ภาษาไทยได้ดีพอสมควร เพราะในอดีตเกาะกงเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยครับ ซึ่งเดิมเรียกว่า "ปัจจันตคิรีเขตร" คนเก่าแก่ของที่นี่จึงสามารถสทนาภาษาไทยได้อย่างสบาย




บริเวณชายแดน บ้านหาดเล็ก

ประเทศไทยสุดแดนตะวันออกที่จังหวัดตราด ผมเดินทางข้ามพรมแดนที่ “ด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก”(อ.คลองใหญ่) ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งประตูสู่อาเซียน เมื่อข้ามแดนไปจะเป็นพื้นที่ของจังหวัด“เกาะกง” ประเทศกัมพูชา

เมื่อข้ามแดนไปประมาณ 200 เมตร จะมองเห็น "เกาะกง รีสอร์ท" ซึ่งเป็นทั้งโรงแรมหรู และคาสิโน ที่ถูกกฏหมาย หน้าโรงแรมจะมีทั้งรถแท๊กซี่ สองแถว รวมไปถึงรถตุ๊กๆอินเดีย ไว้คอยบริการนำเที่ยว ตัวจังหวัดเกาะกง ไปจนถึง น้ำตกตาไต และป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์






นั่งรถจากชายแดนบ้านหาดเล็กผ่านเขตนิคมอุตสาหกรรมเกาะกงเป็นเขตพัฒนาการลงทุนด้านอุตสาหกรรมของต่างชาติขนาดใหญ่ได้ไม่นาน ...เราก็มีถึงเจดีย์เก่าแก่ที่มีอายุหลายร้อยปี เรียกว่า “เจดีย์ขุนช้างขุนแผน” ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเกาะกงบริเวณสะพานข้ามเข้าไปยังเกาะกง

เจดีย์โบราณขุนช้างขุนแผนในเกาะกง เป็นเจดีย์เก่าแก่จากคำบอกเล่าคนในพื้นที่น่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 900 กว่าปี ด้านในมีเพชร พลอย พระเก่าแก่อยู่ด้านในเจดีย์ ...พื้นที่โดยรอบเจดีย์ประมาณ 40 ตารางเมตร มีความสูงโดยประมาณ 4 เมตร มีสะพานปูนยื่นเข้าไปเพื่อเดินข้ามแม่น้ำเกาะกงไปยังบริเวณตัวเจดีย์ขุนช้างขุนแผน ส่วนด้านล่างเจดีย์มีน้ำมีน้ำทะเลล้อมรอบ เจดีย์แห่งนี้ห่างจากตัวเมืองเกาะกงประมาณ 1 กิโลเมตร 

เวลานักท่องเที่ยวจะขึ้นไปชมบนเจดีย์จะอนุญาตให้ขึ้นไปชมไม่เกินกว่า 15 คน

ชาวเกาะกงนิยมมานมัสการกราบไว้บูชาเจดีย์ขุนช้างขุนแผนในวันหยุด เพื่อขอพรให้สมหวัง ค้าขายร่ำรวย ทำมาค้าขึ้นให้ดี และบริเวณเย็น ๆ บรรยากาศจะดีมาก ลมเย็นและมีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นในช่วงเวลายามเย็นไม่ใช่น้อย











เจดีย์ขุนช้างขุนแผน บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเกาะกง

รถมินิบัสพาคณะเราข้ามสะพาน ที่มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่จังหวัดเกาะกง จังหวัดที่มีความมุ่งหมายให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของประเทศกัมพูชา  



ผมทราบข่าวมาว่ามีกลุ่มทุน  จากประเทศจีน มีแผนจะสร้างท่าเรือน้ำลึกทางทะเลแห่งแรกในจังหวัดเกาะกง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Dara Sakor ซึ่งมีพื้นที่กว่า 360 ตร.กม. ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชา ให้พัฒนาเป็นเมืองใหม่ครบวงจรตั้งแต่ สนามบิน ท่าเรือ รีสอร์ท สนามกอล์ฟ

ที่เกาะกงเริ่มมีการลงทุนด้านท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางภูมิประเทศ เช่น ภูเขา น้ำตก แม่น้ำ ชายทะเล และป่าไม้หลายประเภท ซึ่งจีนเป็นประเทศที่ได้สัมปทานโครงการ Dara Sakor เพื่อพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเมืองอุตสาหกรรมแบบครบวงจร



และจังหวัดเกาะกงมีแผนที่จะเปิดดำเนินการสนามบินนานาชาติ 2 แห่ง แห่งแรกเป็นการปรับปรุงสนามบินเก่า และแห่งที่สองเป็นสนามบินในโครงการ Dara Sakor ของกลุ่ม UDG จากประเทศจีน

สนามบินเก่าในจังหวัดเกาะกง


อนุสาวรีย์ที่เกาะกง เพื่อระลึกถึง ทหารเวียดนาม ที่มาช่วยรบในกัมพูชา

จังหวัดเกาะกงยังมีไฮไลท์สำคัญคือ “น้ำตกตาไต” หรือ“น้ำตกทาไท” ที่ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านทาไท ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันออกของเมืองเกาะกงและน้ำตกตาไตนั้นอยู่ห่างจากเขตชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร 


เส้นทางสู่น้ำตกตาไต

เราจอดรถที่ตาไตรีสอร์ท ทานอาหารเที่ยงที่นั่นแล้วนั่งเรือเมล์ต่อเพื่อไปยังตัวน้ำตก ทริปนี้เราลงเรือที่ท่าเรือเรือของตาไตรีสอร์ท ...แต่ก็มีท่าเรือใกล้กับสะพานที่ให้บริการราคาราว ๆ ลำละประมาณ 500 บาท(ราคาก็อาจมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที 



บรรยากาศในการนั่งเรือดีมากครับ เหมือนนั่งเรือหางยาวชมแม่น้ำลำคลองในบ้านเรา แต่ได้วิวเป็นบ้านกัมพูชา... ธรรมชาติสองข้างฝั่งคลองแม่น้ำยังอุดมสมบูรณ์แน่นขนัดด้วยสีเขียวของต้นไม้

วันที่เราเดินทางโชคไม่ค่อยเข้าข้างสักเท่าไหร่ เพราะมีฝนตกลงมาเป็นช่วงๆ อยู่ตลอดเวลา




นั่งชมวิวสองฝั่งลำคลองแม่น้ำบนเรือเพลินๆ พอพ้นโค้งน้ำตอนหนึ่ง...น้ำตกขนาดใหญ่ ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ด้วยปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝน และน้ำในแม่น้ำมีมากและไหลค่อนข้างแรงทำให้เรือเมล์ นำเที่ยวไม่สามารถล่องเรือเข้าไปใกล้ไม่ได้ ทริปนี้เราจึงชะเง้อมองน้ำตกจากระยะที่ไกลพอสมควร มองเห็นแต่สีขาวๆ ฟุ้งๆ อยู่ไกลๆ








ตาไตถือได้ว่าเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีถึง 2 ชั้น ชั้นแรกมีความสูงประมาณ 5-6 เมตร ชั้นที่สองสูงประมาณ 12-15 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมทั้งคนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งวันนี้ชุมชนตาไตได้เข้ามามีส่วนร่วมการจัดการท่องเที่ยวของน้ำตกตาไต ด้วยการจัดการด้านบริการเรือนำเที่ยว ที่มีการบริหารจัดการได้อย่างเป็นระเบียบ และมีชูชีพไว้ให้บริการทุกลำเพื่อความปลอดภัย

หลังจากชมน้ำตกตาไต ที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ เรือเมล์พาเราล่องไปชมรีสอร์ท ซึ่งเจ้าของเป็นชาวยุโรป ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางลำน้ำ ชื่อ "KOH ANDET ECO RESORT" เป็นรีสอร์ท ที่ลอยอยู่บนน้ำ ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ป่าโกงกาง และสวนมะพร้าว บรรยากาศดีมาก ทางรีสอร์ท มีกิจกรรมทางน้ำมากมาย ไว้คอยบริการแขกที่ไปพักซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป











แวะชม "KOH ANDET ECO RESORT"




รีสอร์ทบนเกาะอีกแห่งที่ตาไต




บรรยากาศการล่องเรือที่ตาไต

และการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงในครั้งนี้ นายสุธารักษ์ สุนทรวิภาต รองผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง หรือ อพท.3 ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับทางหน่วยงานการท่องเที่ยวของจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ชุมชนของทั้ง 2 ประเทศต่อไปอย่างยั่งยืน


นายสุธารักษ์ สุนทรวิภาต รองผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง หรือ อพท.3 ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับทางหน่วยงานการท่องเที่ยวของจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา







 บรรยากาศตลาดอาหารยามเย็นที่จังหวัดเกาะกง


และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวเชื่อมโยงตราด-เกาะกง เมื่อมาให้สุดฝั่งตะวันออกแล้วก็ต้องมาให้ถึงตราด ในขณะเดียวกันเมื่อท่องเที่ยวจังหวัดตราดแล้ว เรายังสามารถเดินทางข้ามแดนท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชาได้อย่างสะดวกสบาย

นับเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ของการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก ณ ดินแดนสุดบูรพา ที่ผมว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ



ขอขอบคุณ

-องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.

-สำนักงานพื้นที่พิเศษ 3 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.3 

แกลอรี่รูปภาพTiewZogZag