สกลนคร...เมืองรองที่ต้องไปปักหมุด
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทริปนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวเมืองสกลนคร ...หล่ะเบ๋อ! ด้วยกันครับ
สกลนคร...เป็นเมืองพุทธศาสน์ พระธาตุห้าแห่ง แหล่งอารยะธรรมสามพันปี อีกทั้งยังเป็นเมืองสามธรรม ให้เราสามารถที่จะเลือกท่องเที่ยวได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวทางธรรมะ ชมธรรมชาติ และชมวิถีวัฒนธรรม ในแต่ละชนเผ่า ซึ่งสกลนคร มีชนเผ่าพื้นเมือง อยู่ถึง 6 ชนเผ่า มีสำเนียงภาษาพูดแตกต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก ๆ ถึงชาวสกลนครจะมาจากหลากหลายชนเผ่า แต่พวกเขาก็รักใคร่ปรองดองกัน ชนเผ่าหรือชาติพันธุ์คนสกลนคร มี ไทญ้อ ภูไท ไทโย้ย ไทโส้ ไทกะเลิง และไทลาวอีสาน ...นี่ยังไม่รวมถึงชาวจีน และชาวเวียดนาม ที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองสกลนครมาอย่างยาวนานอีกครับ
วันนี้ผมจะพาไปท่องเที่ยว”สกลนคร...เมืองรองที่ต้องไปปักหมุด” ในโครงการ Go Local Enjoy Local เที่ยวเมืองรองที่ไม่เป็นรองใคร โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) .
#GoLocalEnjoyLocal #เที่ยวเมืองรองที่ไม่เป็นรองใคร#AmazingThailandGoLocal #เที่ยวท้องถิ่นไทยชุมชนเติบใหญ่เมืองไทยเติบโต#เที่ยวเมืองรอง #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #ททท #เที่ยวเมืองรองกับททท#TatXBlogger #TatXMediaAndBloggerclub
ตามผมไปท่องเที่ยว เมืองสกลนคร และปักหมุดกันเลยครับ
สกลนคร เป็นอีกจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยที่น่าเที่ยวมากครับ ในความเห็นส่วนตัวของผมชาวสกลนครมีวิถี วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อีกทั้งสำเนียงภาษาในการสื่อสาร คล้ายชาวหลวงพระบาง ที่อยู่ใน สปป.ลาว ของอาณาจักรล้านช้างในอดีตมาก ...หลายคนอาจสงสัยทำไมผมถึงมั่นใจอย่างนั้น? เพราะผมเป็นคนสกลนคร เกิดที่สกลนคร...ได้เห็นได้เรียนรู้ซึมซับความเป็นอยู่วิถี วัฒนธรรม ของพี่น้องชาวสกลนครมาตั้งแต่เด็ก และผมก็มีโอกาส ได้ไปสัมผัสเมืองหลวงพระบาง มาแล้ว 2-3 ครั้ง ได้พบปะพูดคุย ได้เห็นความเป็นอยู่ วิถีชีวิต วัฒนธรรม...เอ่อ! หลวงพระบางคล้ายเมืองสกลนคร บ้านผมจริงๆ
ประตูเมืองสกลนคร
ทริปนี้ผมได้มอเตอร์ไซค์จากญาติในเมืองสกลฯ ร่อนเที่ยวไปทั่วครับ เริ่มที่ประตูเมืองก่อนเลย ประตูเมืองใหญ่โตมโหฬาร ข้างบนตรงกลางเป็นหลวงพ่อพระองค์แสน ทางซ้ายมือของเราเป็นรูปเหมือนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ด้านซ้าย พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นพระสายวิปัสนากรรมฐาน (สายวัดป่า)ที่ชาวสกลนครนับถือ และคนทั้งประเทศรู้จักดี
ที่ด้านหน้าประตูเมือง มีสะพานขอม (ชาวสกลนครเรียกสะพานหิน)เป็นสะพานโบราณ ที่สร้างด้วยศิลาแลง มีแห่งเดียวในประเทศไทย สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16
สะพานหิน หรือสะพานขอม อยู่ด้านหน้าประตูเมือง
ตามผมไปท่องเที่ยวและปักหมุดกันต่อเลยครับ
วัดพระธาตุเชิงชุม
ตั้งอยู่ถนนเจริญเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ในวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็น ที่เคารพนับถือ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ยอดฉัตรเหนือองค์พระธาตุทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ หนัก 247 บาท ภายในมีรอยพระพุทธบาท 4 พระองค์ นับตั้งแต่พระกกุสันทะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระโคดม วัดพระธาตุเชิงชุม นับเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ดังคำกล่าวที่ว่า “จะมีครั้งไหนที่ได้อานิสงส์มากไปกว่าการได้มาบูชา พระธาตุที่สร้าง ครอบรอยพระบาทแห่งพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์” เชื่อกันว่าอานิสงส์ในการนมัสการพระธาตุเชิงชุมนั้นจะก่อให้เกิดความ เป็นสิริมงคลสูงสุดแก่ตนเองและครอบครัวให้มีความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปราศจากอันตราย
วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร
ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐาน หลวงพ่อองค์แสน
ด้านในองค์พระธาตุสร้างครอบปราสาทหินยุคขอม
รอยพระพุทธบาทในสิมโบราณ
หอไตรโบราณ
หอระฆังที่ชาวเวียดนามในเมืองสกลนครสร้างถวาย
โปงยักษ์ ใต้หอระฆัง
วัดพระธาตุเชิงชุม สวยงาน อีกจุดที่ต้องไปปักหมุด
ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองใกล้กับพระธาตุเชิงชุม เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีชื่อเสียง และกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ 123 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งรับน้ำตกของลำห้วยต่าง ๆ หลายสายและยังเป็นต้นน้ำของลำน้ำก่ำซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม บริเวณหนองหารมีเกาะต่าง ๆ กว่า 20 เกาะ เช่น เกาะดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด บนเกาะมีวัดร้างและพระพุทธรูปเก่าแก่ นอกจากนั้นตามเกาะต่าง ๆ เหล่านี้ จะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่อาศัยของนกนานาชนิด บางเกาะได้สร้างศาลาพักร้อน เช่น เกาะแก้ว เกาะดอนสะคาม และเกาะดอนสะทุง ซึ่งในเวลากลางวันสาหร่ายที่อยู่ใต้พื้นน้ำ เมื่อแดดส่องลงในจะมองเห็นสาหร่ายเป็นสีทองสวยงาม
หนองหาร จังหวัดสกลนคร
พระธาตุนาดุม
หลังจากไหว้พระธาตุเชิงชุม นั่งรถไปไม่ไกลห่างออกไปจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ไปชมพระธาตุดุมกันครับ เป็นพระธาตุเก่าแก่ อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 เป็นศิลปะแบบบาปวน เป็นปรางค์องค์เดียวสร้างด้วยศิลาแลง มีเพียงยอดเดียวไม่มีฐานรองรับ พบทับหลังทั้ง 4 ด้าน ด้านทิศเหนือเป็นภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ นอกจากนี้ยังมีภาพเทวดาทรงพาหนะเหนือหน้ากาล ประกอบด้วยสัตว์ต่าง ๆ
พระธาตุนาดุม
พิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส
ปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง
ตั้งห่างออกไปจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทาง สกลนคร-อุดรธานี พระธาตุนารายณ์เจงเวง ตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง บ้านธาตุ ลักษณะเป็นพระปรางค์องค์เดียว สร้างด้วยหินทรายฐานศิลาแลงขนาดใหญ่สลักลวดลายลงบนเนื้อหิน มีทับหลังจำหลักภาพกฤษณะฆ่าสิงห์ในรูปแบบศิลปะขอม สมัยบาปวน ลักษณะคล้ายกับปราสาทหินของขอมที่ปรากฏหลายแห่งในภาคอีสาน ลวดลายสลักหินบนซุ้มประตูหน้าต่างมีลักษณะสมบูรณ์ปรากฏชัด อายุราวพุทธศตวรรษ ที่ 16-17
หลวงปู่มั่น นับเป็นแม่ทัพธรรม สายวิปัสสนา ท่านธุดงค์กรรมฐานเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส และได้มรณภาพที่วัดที่วัดแห่งนี้ ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์เครื่องอัฐบริขารของหลวงปู่ ภายในมีรูปหล่อเหมือนองค์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในท่านั่งสมาธิ และมีตู้กระจกบรรจุอัฐของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกสีขาว พร้อมทั้งตู้แสดงอัฐบริขารรวมทั้งประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ
พิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
กุฏิหลวงตามหาบัว ในวัดป่าสุทธาวาส
เจดีย์ หลวงปู่หลุย จันทสาโร ที่ออกแบบโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง
ตั้งห่างออกไปจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทาง สกลนคร-อุดรธานี พระธาตุนารายณ์เจงเวง ตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง บ้านธาตุ ลักษณะเป็นพระปรางค์องค์เดียว สร้างด้วยหินทรายฐานศิลาแลงขนาดใหญ่สลักลวดลายลงบนเนื้อหิน มีทับหลังจำหลักภาพกฤษณะฆ่าสิงห์ในรูปแบบศิลปะขอม สมัยบาปวน ลักษณะคล้ายกับปราสาทหินของขอมที่ปรากฏหลายแห่งในภาคอีสาน ลวดลายสลักหินบนซุ้มประตูหน้าต่างมีลักษณะสมบูรณ์ปรากฏชัด อายุราวพุทธศตวรรษ ที่ 16-17
ปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง
เป็นดินแดนแห่งอารยธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการไปทำบุญพักผ่อนจิตใจ เรียกได้ว่าเที่ยวไปอิ่มบุญไปและตื่นตาตื่นใจกับประติมากรรมฝีมือมนุษย์ที่แกะสลักภูเขาทั้งลูกเปลี่ยนจากหินภูเขาธรรมดา กลายเป็นของมีคุณค่าทางจิตใจที่ไม่สามารถเปรียบมูลค่าได้
ภูผาแด่น
ชุมชนบ้านท่าแร่
ตั้งอยู่ริมหนองหาร บนทางหลวงหมายเลข 22 (สกลนคร-นครนม) ต.ท่าแร่ อ.เมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 21 กม. หมู่บ้านท่าแร่ เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย เป็นชุมชนที่เก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านท่าแร่นั้น นักท่องเที่ยวจะได้พบกับความสวยงามของบ้านโบราณ โดยอาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นแบบตึกปูนทรงยุโรปในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมเวียดนาม ในช่วงเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส ทุกๆวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ชุมชนแห่งนี้จะจัดเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส โดยจัด “ขบวนแห่ดาวคริสต์มาส” ในทุกปีจะมีรถดาวเข้าร่วมขบวน ใครเดินผ่านไปมาจะเห็นแต่รอยยิ้มและคำเชิญชวน ความสุขอวลอยู่แทบทุกอณูในความเป็นบ้านท่าแร่วันนั้น
ชุมชนบ้านท่าแร่
เทศกาลแห่ดาว ชุมชนบ้านท่าแร่
อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ
อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบึงหนองหาร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2553 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมบัวพันธุ์ต่าง ๆ และรองรับการประชุม วิชาการบัวนานาชาติปี พ.ศ.2553 ที่จัดขึ้นที่วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ศึกษาค้นคว้า ของนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป รวมทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสกลนคร ความโดดเด่นของอุทยานบัวคือ มีบึงบัวขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้า มีสะพานไม้สีแดงทอดยาวเชื่อมต่อกันสำหรับเดินชม ดอกบัวรอบสระ มีศาลาชมวิวกลางบึงบัวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ นั่งชมบัวรับลมเย็น นับเป็นอุทยานบัวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ
พระธาตุศรีมงคล
อยู่ที่วัดพระธาตุศรีมงคล อำเภอวาริชภูมิ เป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอวาริชภูมิ เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมยอดแหลม ตกแต่งด้วยศิลปกรรมยุคใหม่ ก่ออิฐถือปูนประดับด้วยลายปั้นดินเผา สร้างครอบพระธาตุองค์เดิมซึ่งเป็นศิลาแลง การเดินทางไปนมัสการพรธาตุศรีมงคลสะดวกสบาย บนเส้นทางอำเภอพังโคน-วาริชภูมิ
ภูผาแด่น...เป็นดินแดนแห่งอารยธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการไปทำบุญพักผ่อนจิตใจ เรียกได้ว่าเที่ยวไปอิ่มบุญไปและตื่นตาตื่นใจกับประติมากรรมฝีมือมนุษย์ที่แกะสลักภูเขาทั้งลูกเปลี่ยนจากหินภูเขาธรรมดา กลายเป็นของมีคุณค่าทางจิตใจที่ไม่สามารถเปรียบมูลค่าได้
พระธาตุศรีมงคล
รำบูชา พระธาตุศรีมงคล
ชาวอำเภอวาริชภูมิทำบุญตักบาตร
เป็นพระธาตุที่สร้างอยู่บนยอดเขาภูพาน องค์พระธาตุสร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลง เป็นพระธาตุยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ไม่มีหลังคาและยอดปราสาท เพียงแต่ทำขื่อตั้งไว้เท่านั้น พระธาตุภูเพ็กสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ตั้งห่างจากตัวเมืองสกลนคร ประมาณ 22 กิโลเมตร เส้นทาง สกลนคร-อุดรธานี
พระธาตุภูเพ็ก
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เป็นพระตำหนักที่สร้างขึ้นในบริเวณเทือกเขาภูพาน โดยพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผู้ทรงเลือกพื้นที่สร้างพระตำหนักด้วยพระองค์เอง ทรงใช้แผนที่ทางอากาศและการเสด็จสำรวจเส้นทางบริเวณ ป่าเขา น้ำตก อาคารต่างๆ ภายในเขตพระราชฐานที่เรียกรวมๆ ว่า “หมู่พระตำหนัก” มีสไตล์การตกแต่งที่เรียบหรู ดูคลาสสิก ส่วนใหญ่เป็น สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของคนรัก ต้นไม้ได้เลยทีเดียว เนื่องจากภายในเต็มไปด้วย ไม้นานาพรรณโดยเฉพาะไม้ดอกไม้ประดับ ทั้งนี้ พันธุ์ไม้ที่เป็นที่ชื่นชมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ได้แก่ พันธุ์ไม้ดอกจากป่าภูพาน อาทิ ดุสิตา มณีเทวา และทิพย์เกสร ซึ่งจะมีให้ชมเฉพาะช่วงหน้าหนาว ทั้งนี้ ในระหว่างที่ไม่มีพระองค์ใดประทับอยู่ ทางสำนักเลขาธิการพระราชวังจะอนุญาติให้ประชาชน ทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และ โค้งปิ้งงู
ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูพาน อำเภอเมือง สกลนคร มีลักษณะเป็นสะพานหินที่เชื่อมต่อระหว่างหินสองกลุ่ม ขนาดกว้างของสะพานประมาณ 1.5 เมตร ยาว 8 เมตร ด้านใต้เป็นเวิ้งกว้าง ใช้เป็นที่หลบแดดหลบฝนได้ นับเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้ทางอุทยานฯ ได้จัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสำหรับนักท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่บริเวณผานางเมิน ลานสาวเอ้ แก้งขี้ลิง เขตป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง แล้วกลับสู่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติอีกครั้ง และตลอดเส้นทางเดินป่าจะมีจุดสำหรับการศึกษาธรรมชาติในเรื่องของสภาพป่าไม้โดยทั่วไปของพื้นที่อุทยานฯ โดยใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
สะพานหินธรรมชาติ (ทางผีผ่าน)
ผานางเมิน