ท่องเที่ยว...ที่เราเข้าใจตรงกันนั้นก็คือ การเดินทางออกไปจากบ้าน เพื่อไปสัมผัสความสุข เพื่อการพักผ่อน เพื่อการได้เห็นสิ่งใหม่ๆ เพื่อหาความรู้ รวมทั้งความสนุกสนานตื่นเต้น...การท่องเที่ยวนั้นยังสามารถแบ่งแยกออกไปได้อีกหลากหลายรูปแบบ อาทิ ท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติป่าเขา, ท่องเที่ยวเชิงเกษตร, ท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรมและวิถีพื้นบ้าน, ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอีกหลายรูปแบบการท่องเที่ยว
แต่ยังมีการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ผมไปสัมผัสมา ได้อรรถรสที่หลากหลาย ทั้งผจญภัย, ได้สัมผัสธรรมชาติ,สัมผัสวัฒนธรรมและวิถีพื้นบ้าน ,เรียนรู้การเกษตรไปด้วย...นั้นคือ "การท่องเที่ยวชุมชน"
ชุมชนกระแสบน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ผมมีโอกาสไปท่องเที่ยว และสัมผัสมา ...เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ริม แม่น้ำประแสร์ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชาวกระแซ(กระแสบน)มากว่า 400 ปี ถือได้ว่าสายน้ำแห่งนี้เป็นสายน้ำแห่งชีวิตของชาวกระแซมาแล้วหลายชั่วอายุคน
สักการะหลวงพ่อศิลาและหลวงพ่อเชียงรุ้ง
ตั้งแต่โบราณกาลมาแล้วที่"วัด" ได้ถูกจัดให้เป็นศูนย์กลางของชาวบ้านในการประชุมหารือ ต้อนรับผู้มาเยือนจากต่างถิ่นที่มาเป็นหมู่คณะ ...ณ วัดกระแสร์คูหาสวรรค์ ตำบลกระแสบน ได้ถูกจัดให้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางท่องเที่ยวของชุมชน ที่วัดแห่งนี้เราจะได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านกระแสบน ด้วยพวงมาลัยดอกรัก และน้ำสมุนไพร หอมชื่นใจที่จัดใส่ในกระบอกไม้ไผ่พร้อมหลอดดูดที่ทำขึ้นจากวัสดุธรรมชาติ...แค่เริ่มต้นของการต้อนรับผมก็สัมผัสได้ถึงความเป็นมิตร และเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของชาวตำบลชุมชนกระแสบน แล้วหล่ะครับ
วัดกระแสร์คูหาสวรรค์ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อศิลาและหลวงพ่อเชียงรุ้ง ซึ่งเป็นพระคู่บ้านของชาวกระแสบน อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี
หลังจากสักการะพระคู่บ้าน และฟังเรื่องราวของชุมชน กิจกรรมท่องเที่ยวที่ทางชุมชนกระแสบน จัดไว้คือนั่งรถสามล้อเครื่องชมสวนผลไม้ เรียนรู้ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวน และชิมผลไม้ตามฤดูกาล
สักการะหลวงพ่อศิลา พระคู่บ้านของชาวกระแสบน
ต้อนรับด้วยน้ำสมุนไพร ในกระบอกไม้ไผ่ พร้อมหลอดดูดจากวัสดุธรรมชาติ
นั่งรถสามล้อเครื่องชมสวนผลไม้
รถสามล้อเครื่องนำเที่ยวถูกดัดแปลงมาจากรถสามล้อ ที่ใช้ในการเกษตร เพื่อมีไว้บรรทุกพืชผัก ผลไม้ออกจากสวน หลังคาถอดออกได้เมื่อนำไปใช้งานในสวน วันนี้มีนักท่องเที่ยวหลังคาเลยถูกตกแต่งด้วยพวงเต่ารั้งประดับประดา อย่างสวยงาม
สามล้อเครื่อง ขนาดสามคนนั่งพาเราลัดเลาะ ไปตามสวนผลไม้ มีทั้งสวนทุเรียน สวนเงาะ สวนลองกอง มังคุดฯลฯ ถ้าใครได้ไปท่องเที่ยวในช่วงที่ผลไม้เยอะๆ คงจะเพลิดเพลิน ไปกับการชิมผลไม้ที่หลากหลายถึงในสวนกันเลยทีเดียว
การเดินทางท่องเที่ยวโดยสามล้อเครื่องในชุมชนตำบลกระแสบน เราจะเห็นวิถีชาวสวน ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่สวยงามไร้การปรุงแต่ง
นั่งสามล้อเครื่องลัดเลาะชมสวนผลไม้ และสวนยางพารา
ชิมผลไม้สวนลุงจริต
รถสามล้อเครื่อง พาเรามาจอดพักเบรค ที่สวนลุงจริต มีการเสริฟด้วยน้ำมังคุด สดๆ จากต้น ชิมผลไม้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นมังคุด ลองกอง สละฯลฯ
ลุงจริต ถือได้ว่าเป็นเกษตรกรชาวระยอง GAP ดีเด่นแห่งชาติ คือเป็นผู้ได้รับคัดเลือกเป็น เกษตรกร GAP ดีเด่นแห่งชาติ สาขาการใช้วิชาการเกษตรดีที่เหมาะสม ประจำปี 2558 และสวนลุงจริต ยังเป็นแหล่งผลิตมังคุดคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP อีกด้วย
ลุงจริต นามสนิท เกษตรกรดีเด่นชาวกระแสบน จังหวัดระยอง
สอยมุงคุดมากินกันสดๆจากต้น
สวนลุงจริต แหล่งผลิตมังคุดคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP
นั่งเรือชมตะกอง หรือ ลั้ง...ริมแม่น้ำประแสร์
หลังจากนั่งสามล้อเครื่องชมสวนแล้ว ในโปรแกรมกิจกรรมท่องเที่ยวยังมีการนั่งเรือชมธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำประแสร์ ด้วยครับ
สองริมฝั่งแม่น้ำประแสร์ ยังคงความเป็นธรรมชาติ ที่สวยงามอุดมไปด้วยกอไผ่ มองเห็นร่องรอยของการเก็บหน่อไม้ นั่นหมายถึงว่าที่นี่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เป็นอย่างมาก และที่สำคัญริมแม่น้ำประแสร์นี้ ยังมี "ตะกอง" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ลั้ง" ... มาปรากฏตัวให้เห็นได้อย่างมากมายถ้าอุณภูมิพอเหมาะสำหรับเขา
นั่งเรือชมธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำประแสร์
ตะกองหรือกิ้งก่ายักษ์
ตะกองหรือลั้ง เป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทกิ้งก่าชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดของตะกองจะยาวประมาณ 90-120 เซนติเมตร ตะกองเพศเมียจะมีขนาดเล็กกว่า ตะกองเพศผู้ สีของตะกองจะมีสีเขียวและสัตว์ชนิดนี้ สามารถที่จะเปลี่ยนสีของมันให้เข้มขึ้น และอ่อนลงตามสภาพแวดล้อมได้
ปัจจุบันจำนวนประชากรของตะกองในหลายแห่งได้ลดลงจากในอดีตมาก เนื่องจากปัญหาการจับตะกองไปเป็นอาหาร ของชาวบ้านรอบๆป่า และปัญหา การบุกรุกทำลายป่าอันเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของตะกองซึ่งมีผลให้บ้านของเจ้ากิ้งก่ายักษ์ถูกลดขนาดให้เล็กลง
ชุมชนกระแสบน ริมแม่น้ำประแสร์แห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นแหล่งพันธุกรรมที่สำคัญแหล่งหนึ่งของตะกอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ประกาศให้ตะกองเป็น ”สัตว์ป่าคุ้มครอง”
ตะกอง หรือ ลั้ง กิ้งก่ายักษ์แห่งกระแสบน
ทำกิจกรรม CSR เก็บผักตบชวา
หลังจากล่องเรือชมตะกอง ตามป่าไผ่ริมน้ำมาเรื่อยๆ แล้ว เรือก็จะมาจอดให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรม CSR เก็บผักตบชวา... ปัญหาผักตบชวาซึ่งทุกคนมองว่าไม่มีค่าแต่คนกระแสบนนำมาสร้างมูลค่าโดยการนำผักตบชวา เอาทั้งรากทั้งต้นมาสับ หั่นตากแห้งแล้วเอามาผสมกับดิน-แกลบ-ขุยมะพร้าว ใส่ถุงบรรจุขาย เป็นดินปลูกต้นไม้ได้อีกด้วยครับ
ทำกิจกรรม CSR เก็บผักตบชวา
ทานข้าวเที่ยง ริมแม่น้ำประแสร์
กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ไซส์ สามตัวโลถูกเสริฟใส่จาน จนทำให้ผมและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ รู้สึกตื่นเต้นไปตามๆ กัน ชาวบ้านบอกให้ผมฟังว่า ที่นี้มีกิจกรรมพานักท่องเที่ยวตกกุ้งแม่น้ำด้วยเหมือนกัน ส่วนชาวบ้านดักด้วยลอบมาขายตกกิโลกรัมละ 950 บาท(ประมาณ 3 ตัว)
บนโต๊ะอาหาร มีการนำใบตองมาใช้ นำกระบอกไม้ไผ่เป็นภาชนะ ผลหมากรากไม้ ถูกจัดอย่างสวยงาม มี มันเผา ข้าวโพดปิ้ง ของหวานสุดอร่อยกล้วยบวดชี ข้าวที่หุงหอมๆ ด้วยกระบอกไม้ไผ่ กับอาหารพื้นบ้านรสชาดอร่อยๆหลากหลายเมนู ที่หากินไม่ได้ตามภัตตาคารใหญ่ๆ นอกจากที่นี่...ชุมชนกระแสบน
วัสดุธรรมชาติถูกนำมาใช้อย่างมีคุณค่า
กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ จากแม่น้ำประแสร์
อ้าว!...ลุงพึงเจ้าของสวน จุดแวะทานข้าวเที่ยง ผมก็นึกว่าลุงเป็นเด็กเรือซะอีก
หลายคนคงเคยได้ข่าวเรื่องหน่วยงานราชการ มีมติให้ตำบลกระแสบน เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งแน่นอน ถ้าโรงไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นที่นี่ต้องส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน ความเป็นอยู่ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม แม่น้ำประแสร์ที่ชาวบ้านใช้ในการเกษตร และมีผลกระทบต่อธรรมชาติโดยรวม
ตะกอง ที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองก็จะสูญหาย กุ้งแม่น้ำตัวโต ก็จะไม่มีให้ทาน ...อย่าปล่อยให้คำว่า “อนุรักษ์” เป็นเพียงวาทะกรรม เราคนไทยจะช่วยคนไทย ด้วยกันได้ โดยเฉพาะคนไทยในชุมชนตำบลกระแสบน...เราต้องไปท่องเที่ยวชุมชนตำบลกระแสบนให้เยอะๆ ...ถึงตอนนั้นผมเชื่อแน่ว่า...โรงไฟฟ้าชีวมวล ไม่เกิดขึ้นใกล้กับชุมชนที่มากด้วยทรัพยากรแห่งนี้แน่นอน...ชุมชนตำบนกระแสบน
***สนใจติดต่อท่องเที่ยวชุมชนได้ที่***
086-111-3524 คุณแจ๊ค
098-126-7124 คุณน้ำฝน
092-419-7939 คุณขวัญจิต
ขอขอบคุณ อพท.สำนักงานพื้นที่พิเศษ 3
ขอขอบคุณ TEATA สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.)