ความโหดร้ายของสงคราม ระหว่าง อิรัก - อิหร่าน หรือที่นิยมเรียกกันว่าสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1980 -1988 โดยสาเหตุใหญ่เกิดจากการอ้างสิทธิเหนือน่านน้ำชัตต์ อัล – อาหรับ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกยังรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย รู้สึกหวาดกลัว นึกถึงแต่ภาพสงครามในอดีตของสองประเทศ อิรัก-อิหร่าน... ภาพชายมุสลิม ในชุดนักรบ เป็นภาพชินตาที่แสดงถึงความโหดร้ายของสงคราม จนทำให้ผู้คนไม่กล้า หรือแม้แต่คิดที่จะย่างกราย เข้าไปยังดินแดนแห่งสงครามนี้ ...ถึงแม้สงครามอ่าวเปอร์เซีย อิรัก-อิหร่าน จะยุติไปนานกว่า 20 ปี มาแล้วก็ตาม
อิหร่าน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ถือว่าลึกลับสำหรับคนไทย เพียงเพราะยังถูกมองว่า "อิหร่านอันตรายเกินไป" ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยว น่าไปเยือนมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก... เพราะอิหร่านเป็นประเทศที่มีมรดกโลกให้เราชมเยอะมาก ผู้คนชาวอิหร่านไม่ได้ดูโหดร้าย หรืออันตรายอย่างที่คิด กับยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศอย่างมีไมตรีจิต...
ใครที่ยังคิดว่า”อิหร่านอันตรายเกินไป” ลองเปิดใจตามผมไปเที่ยว อิหร่าน ในสองเมืองใหญ่ ...คือเมือง อิสฟาฮาน และ เตหะราน ในทริป First Filght to Teharan กับสายการบิน Thai Airways ในวันที่ 1- 5 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสบินตรงกับการบินไทย มุ่งสู่กรุงเตหะราน ได้ไปสัมผัสอารยะธรรมอาณาจักรเปอร์เซียที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ผมรู้สึกตื่นเต้นที่รู้มาว่า อิหร่าน เป็นเมืองแห่งอารยะธรรมโบราณที่มีเรื่องราวเล่าขานกันมากว่า 2,000 ปี มีความตระการตา มีความยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรม เป็นเมืองแห่งมรดกโลก ที่มีถึง 19 แห่งโดยยูเนสโก ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในทวีปเอเชีย และอันดับที่ 11 ของโลก...ติดตามกันยาวไป ใน “อิหร่าน...มนต์เสน่ห์แห่ง เปอร์เซีย”
อิหร่าน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ถือว่าลึกลับสำหรับคนไทย เพียงเพราะยังถูกมองว่า "อิหร่านอันตรายเกินไป" ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยว น่าไปเยือนมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก... เพราะอิหร่านเป็นประเทศที่มีมรดกโลกให้เราชมเยอะมาก ผู้คนชาวอิหร่านไม่ได้ดูโหดร้าย หรืออันตรายอย่างที่คิด กับยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศอย่างมีไมตรีจิต...
ใครที่ยังคิดว่า”อิหร่านอันตรายเกินไป” ลองเปิดใจตามผมไปเที่ยว อิหร่าน ในสองเมืองใหญ่ ...คือเมือง อิสฟาฮาน และ เตหะราน ในทริป First Filght to Teharan กับสายการบิน Thai Airways ในวันที่ 1- 5 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสบินตรงกับการบินไทย มุ่งสู่กรุงเตหะราน ได้ไปสัมผัสอารยะธรรมอาณาจักรเปอร์เซียที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ผมรู้สึกตื่นเต้นที่รู้มาว่า อิหร่าน เป็นเมืองแห่งอารยะธรรมโบราณที่มีเรื่องราวเล่าขานกันมากว่า 2,000 ปี มีความตระการตา มีความยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรม เป็นเมืองแห่งมรดกโลก ที่มีถึง 19 แห่งโดยยูเนสโก ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในทวีปเอเชีย และอันดับที่ 11 ของโลก...ติดตามกันยาวไป ใน “อิหร่าน...มนต์เสน่ห์แห่ง เปอร์เซีย”
เดินทางจากกรุงเทพฯ สู่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ทางบริษัทการบินไทยได้เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงจาก กรุงเทพฯ สู่ กรุงเตหะราน ผมและบล๊อกเกอร์เพจดังสายท่องเที่ยวอีก 4 ท่าน มีโอกาสร่วมเดินทางไปกลับ เที่ยวบินปฐมฤกษ์ นี้ด้วย
หลังจากที่เรานั่งรอเวลาขึ้นเครื่องในเล้าจ์การบินไทย อันแสนอบอุ่น สุดประทับใจ กับบริการอาหารและเครื่องดื่ม สายการบิน Thai Airways เที่ยวบิน TG 527 ได้เวลาพาเราทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ในเวลา 15.30 น.
เราใช้เวลาอยู่บนเครื่องบิน 6 ชั่วโมงกว่าๆ ไปกับการเดินทางด้วยบริการที่เหนือระดับ พร้อมความสะดวกสบาย และการดูแลที่แสนอบอุ่น น่าประทับใจจากสายการบิน Thai Airways
เวลา 19.30 น.(เวลาท้องถิ่นของอิหร่าน) ล้อเครื่องบินได้ลงแตะสนามบิน อิหม่ามโคไมนี หรือท่าอากาศยานอิหม่ามโคไมนีในเมืองเตหะรานประเทศอิหร่าน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากด้านตะวันตกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเตหะราน 30 กม.
5 บล๊อกเกอร์และเพจสายท่องเที่ยว รอขึ้นเครื่องในเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-เตหะราน
เส้นทางกรุงเทพฯ-เตหะราน
ถึงแล้ว สนามบินนานาชาติอิหม่ามโคไมนี
บรรยากาศ เมื่อเท้าสัมผัสสนามบินโคไมนี ค่อนข้างเย็นอุณหภูมิอยู่ที่ 15-18 องศาเซลเซียสโดยประมาณ เราใช้เวลาที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินแห่งนี้ นานพอสมควร จนตาผมเริ่มจะหลับ เวลาท้องถิ่นของที่นี่ 2 ทุ่มก็จริง แต่เมื่อเทียบกับเวลาที่เมืองไทย ก็ปาเข้าไปเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
วันแรกที่ถึงเตหะราน เราเข้าสู่ที่พักเลย ตอนเช้าในเวลา 6 โมงเราต้องเตรียมตัวเดินทางไปขึ้นเครื่องอีกสนามบิน เพื่อไปเมืองอิสฟาฮาน ด้วยเวลาที่จำกัดเราได้รับแจกอาหารกล่องแบบง่ายๆ จากทางโรงแรม ผมรู้จักแผ่นแป้งย่าง ที่เรียกว่า "นาน" เป็นครั้งแรก มองดูคล้ายกับแผ่นโรตี กินกับแยมถั่ว หรือแยมอื่นๆก็ได้ ในกล่องยังมีไข่เป็ดต้มให้อีก 1 ฟอง นี่ถือว่าเป็นอาหารเช้ามื้อแรกบนดินแดนเปอร์เซีย ของผมเลยหล่ะครับ
บรรยากาศ เมื่อเท้าสัมผัสสนามบินโคไมนี ค่อนข้างเย็นอุณหภูมิอยู่ที่ 15-18 องศาเซลเซียสโดยประมาณ เราใช้เวลาที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินแห่งนี้ นานพอสมควร จนตาผมเริ่มจะหลับ เวลาท้องถิ่นของที่นี่ 2 ทุ่มก็จริง แต่เมื่อเทียบกับเวลาที่เมืองไทย ก็ปาเข้าไปเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
วันแรกที่ถึงเตหะราน เราเข้าสู่ที่พักเลย ตอนเช้าในเวลา 6 โมงเราต้องเตรียมตัวเดินทางไปขึ้นเครื่องอีกสนามบิน เพื่อไปเมืองอิสฟาฮาน ด้วยเวลาที่จำกัดเราได้รับแจกอาหารกล่องแบบง่ายๆ จากทางโรงแรม ผมรู้จักแผ่นแป้งย่าง ที่เรียกว่า "นาน" เป็นครั้งแรก มองดูคล้ายกับแผ่นโรตี กินกับแยมถั่ว หรือแยมอื่นๆก็ได้ ในกล่องยังมีไข่เป็ดต้มให้อีก 1 ฟอง นี่ถือว่าเป็นอาหารเช้ามื้อแรกบนดินแดนเปอร์เซีย ของผมเลยหล่ะครับ
ถึงสนามบิน อิหม่ามโคไมนี 19.30 น. (เวลาในไทย 23.00 น.)
เข้าสู่ที่พักก่อนเดินทางเช้ามืดไปเมือง อิสฟาฮาน
ไปรอขึ้นเครื่องบินต่อไปเมือง อิสฟาฮาน กับอาหารกล่องแบบง่ายๆ
ขึ้นเครื่องไปเมืองอิสฟาฮาน
อิสฟาฮาน...มนตรา...เปอร์เซีย
เมืองอิสฟาฮาน อยู่ห่างจาก กรุงเตหะราน ประมาณ 400 กว่ากิโลเมตร ถ้าจะเดินทางโดยใช้เส้นทางรถยนต์ก็ได้แต่ต้องใช้เวลาร่วม 6 ชั่วโมง แต่เวลาของคณะเราน้อยนิดเช้านี้เราจึงเดินทางโดยสายการบิน Iran Air ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงสนามบินอิสฟาฮาน ที่นี่มีไกด์ท้องถิ่นมาคอยต้อนรับเรา
เพียงแค่ผมเดินออกมาจากสนามบินก็รู้สึกได้ว่าตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศของอาคารบ้านเรือน ศาสนสถาน ที่อยู่ใกล้กับสนามบิน มองเห็นได้ถึงความสวยงาม...อากาศ ที่อิสฟาฮาน ในวันนี้ไม่ร้อน รู้สึกเย็นสบาย
เราขึ้นรถบัสคันใหญ่เดินทางออกจากสนามบิน ผมขอนั่งหน้าตามสไตล์คนชอบถ่ายรูป คอยเก็บภาพบรรยากาศต่างเมือง มาฝากอีกเช่นเคย
เมืองอิสฟาฮาน อยู่ห่างจาก กรุงเตหะราน ประมาณ 400 กว่ากิโลเมตร ถ้าจะเดินทางโดยใช้เส้นทางรถยนต์ก็ได้แต่ต้องใช้เวลาร่วม 6 ชั่วโมง แต่เวลาของคณะเราน้อยนิดเช้านี้เราจึงเดินทางโดยสายการบิน Iran Air ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงสนามบินอิสฟาฮาน ที่นี่มีไกด์ท้องถิ่นมาคอยต้อนรับเรา
เพียงแค่ผมเดินออกมาจากสนามบินก็รู้สึกได้ว่าตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศของอาคารบ้านเรือน ศาสนสถาน ที่อยู่ใกล้กับสนามบิน มองเห็นได้ถึงความสวยงาม...อากาศ ที่อิสฟาฮาน ในวันนี้ไม่ร้อน รู้สึกเย็นสบาย
เราขึ้นรถบัสคันใหญ่เดินทางออกจากสนามบิน ผมขอนั่งหน้าตามสไตล์คนชอบถ่ายรูป คอยเก็บภาพบรรยากาศต่างเมือง มาฝากอีกเช่นเคย
ถึงแล้วสนามบินเมือง อิสฟาฮาน
อิสฟาฮาน เป็นเมืองใหญ่อันดับที่สามของอิหร่าน มีประชากรมากกว่าสองล้านคน มีคำขวัญภาษาฟาร์ซีกล่าวว่า “เอสฟาฮาน เนสเฟ จาฮัน” อิสฟาฮาน คือ ครึ่งหนึ่งของโลก มันเป็นคำบรรยายที่มีเสน่ห์ที่เป็นลักษณะพิเศษที่ทำให้มองเห็นภาพความนับถือตัวเองอย่างเหลือล้นของชาวเปอร์เซีย ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่ ชาวอิสฟาฮาน จะมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับเมืองของพวกเขา
นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนอิหร่านมักไม่พลาดที่จะบรรจุเมือง อิสฟาฮาน(Esfahan) ลงไปในแผนการท่องเที่ยว เพราะเป็นเมืองนี้มีความน่าสนใจในแง่เป็นชุมทางการค้าขายมาแต่โบร่ำโบราณ มีการเลื่อนไหลทางวัฒนธรรมสูงคู่ขนานไปกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน
นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนอิหร่านมักไม่พลาดที่จะบรรจุเมือง อิสฟาฮาน(Esfahan) ลงไปในแผนการท่องเที่ยว เพราะเป็นเมืองนี้มีความน่าสนใจในแง่เป็นชุมทางการค้าขายมาแต่โบร่ำโบราณ มีการเลื่อนไหลทางวัฒนธรรมสูงคู่ขนานไปกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน
เส้นทางจากสนามบินเข้าสู่เมือง อิสฟาฮาน
บรรยากาศตามท้องถนนใน เมืองอิสฟาฮาน
จากการสังเกตุผมเห็นว่า ชาวอิหร่านเป็นคนที่มีจิตใจดี ยิ้มแย้ม มองดูเป็นมิตร ผมถือกล้องเดินไปทางไหนก็มักจะถูกเรียกให้ผมถ่ายภาพให้ จากที่กลัวว่าการถ่ายภาพแนวสตรีท แบบผม จะเป็นการไปรบกวนพวกเขา แต่ที่ไหนกับถ่ายได้อย่างสบาย นอกจากสถานที่ราชการ และคนในเครื่องแบบเท่านั้นที่ไกด์บอกควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ถ่าย
น้ำใจชาวสวนแอปเปิ้ล ในอิสฟาฮาน มอบแอปเปิ้ล ให้คณะเราไว้ทานบนรถ
จตุรัสอิหม่าม (Imam Square)
แลนด์มาร์คของอิสฟาฮาน เห็นจะเป็น"จัตุรัสอิหม่าม"กับสะพานกับสะพานแม่น้ำชายันเดห์ ทั้งหลาย ไม่ว่าชาวเมืองหรือคนต่างพื้นที่รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติแทบร้อยทั้งร้อยไม่พลาดไปยังที่เหล่านี้ จัตุรัสอิหม่าม จัดว่าเป็นลานกว้างอันดับ 2 ของโลก (รองจากจัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง)หรือเทียบเท่าสนามฟุตบอลใหญ่ๆถึง 5 สนาม คือกว้างประมาณ 158 เมตร และยาว 507 เมตร รายล้อมด้วยอาคารตามแบบสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ซาฟาวิยะห์ ใจกลางมีสวนสวยสุดร่มรื่น โดยไฮไลท์ของที่นี่ก็คือมัสยิด Sheikh Lotfallah เป็นมัสยิดที่ออกแบบทั้งภายในและภายนอกอย่างสวยงามวิจิตรตระการตา ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องเคลือบสีสันสวยงามตามแบบศิลปะเปอร์เซีย นอกจากนี้กลุ่มอาคารต่างๆ ยังมีการตกแต่งที่สวยหรูไม่แพ้กันอีกด้วย ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1979
พระเจ้าชาห์ อับบาสมหาราชบัญชาการให้สร้างงานมาสเตอร์พีซชิ้นนี้เมื่อสี่ร้อยกว่าปีที่แล้วและยังอยู่ยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้ ขอบทั้ง 4 ด้านเป็นอาคารสร้างล้อมกรอบไว้ มีร้านรวงเชื่อมต่อกันภายในอาคารเหล่านั้น ส่วนใหญ่สินค้าเป็นจำพวกงานศิลปะสารพัดรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเงิน เซรามิก เครื่องประดับ พรมทอมือ ภาพวาด งานโลหะ และอื่นๆอีกมากมายเหลือคณานับ ตลาดใหญ่ประจำเมืองก็เชื่อมต่อกับด้านหนึ่งของจัตุรัสด้วย เรียกว่าจะเดินเล่นก็เพลิน จะช้อปปิ้งก็สะดวก หรือถ้าต้องการเข้าสุเหร่า ชมวังเก่า พิพิธภัณฑ์ก็อยู่โดยรอบจัตุรัสนี้ ไม่แปลกที่นักเดินทางชาวตะวันตกที่เคยมาเยือนอิสฟาฮานเมื่อหลายร้อยปีก่อนถึงกับยกย่องว่า "แค่ได้สำรวจอิสฟาฮานก็เท่ากับได้สำรวจโลกกว่าครึ่งแล้ว"
บรรยากาศภายในรอบๆ จัตุรัสอิหม่าม (Imam Square)
มีรถม้าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวนั่งชมรอบๆ จัตุรัส
วิถีชาวอิหร่าน ภายในจตุรัสอิหม่าม
จัตุรัสอิหม่ามในยามเย็น
ยามเย็น ในจัตุรัสอิหม่าม จะมีประชาชนชาวอิสฟาฮาน ออกมาพักผ่อนและเดินช้อปปิ้ง ในตึกที่เชื่อมต่อรอบๆ จัตุรัสมากมาย บ้างนำอาหารมานั่งทาน บ้างมาเดินออกกำลังกาย มองดูเหมือนกับว่าประเทศอิหร่าน เป็นประเทศที่ไม่เคยผ่านสงครามอันโหดร้ายนั่นมาเลย เพราะทุกคนแลดูสุขภาพจิตดีกันทั้งนั้น ผมเดินชมร้านค้าภายในอาคารรอบๆ จัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน ที่นี่ผมได้ของฝากราคาถูกที่ผลิตด้วยเทอคอยส์ สวยงามมาก และเงิน
ตลาดที่อยู่ภายในอาคารรอบๆ จัตุรัสอิหม่าม เรียกว่า ตลาดบาร์ซาร์ (Tajrish Bazar) ซึ่งสินค้าในตลาดแห่งนี้มีหลากหลายแทบจะทุกชนิด ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องประดับ เครื่องทองเหลือง เครื่องแก้ว กางเกงยีนส์พรมขนาดต่าง ตลอดไปจนถึงใบชา เครื่องเทศ และถั่วหลากหลายชนิด
ร้านค้าที่อยู่ในตึก ที่เชื่อมต่อกันรอบๆ จัตุรัสอิหม่าม
ร้านค้าในโซน ตลาดบาร์ซาร์ (Tajrish Bazar) ยามค่ำคืนคึกคักมาก
ภายในจัตุรัสอิหม่าม (Imam Square) ยังมีมัสยิดซีคล๊อฟฟลูเลาะห์ (Sheikh Lotfallah) และมัสยิดอิหม่าม (Imam Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ออกแบบทั้งภายในและภายนอกอย่างสวยงามวิจิตรตระการตา ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องเคลือบสีสันสวยงามตามแบบศิลปะเปอร์เซีย
โปรดรอติดตามตอนต่อครับ
โปรดรอติดตามตอนต่อครับ
ติดตามแฟนเพจเฟสบุ๊คได้ที่
https://www.facebook.com/soksagtravelling/
(เที่ยวซอกแซก ZogZagTravelling)
https://www.facebook.com/anontaseeha/
(ชายสามหยดพาเที่ยว)
https://www.facebook.com/soksagtravelling/
(เที่ยวซอกแซก ZogZagTravelling)
https://www.facebook.com/anontaseeha/
(ชายสามหยดพาเที่ยว)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น