"ปลายทางไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของนักเดินทาง...แต่เป็นระหว่างทางต่างหาก"
ผมไม่รู้ว่าประโยคนี้ ใครเป็นคนกล่าวไว้เป็นคนแรก ผมอ่านเจอบ่อยๆ แล้วรู้สึกชอบ มันเข้ากับการใช้ชีวิตในแนว สโลว์ไลฟ์ ของผมได้เป็นอย่างดี
เพราะเมื่อผมมีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ โดยส่วนตัวผมมักให้ความสำคัญ และไม่พลาดที่จะซึมซับบรรยากาศระหว่างทางไปด้วยเสมอ ในระหว่างทาง บางครั้งก็มีบางสิ่งบางอย่าง ที่ปลายทางไม่มี
ชีวิตของผมที่ยังคงดำเนินอยู่ เป็นเรื่องราวระหว่างทางทั้งสิ้น...ในระหว่างทางสอนให้ผมเรียนรู้ถึงประสบการณ์ ที่มีค่าต่อการดำเนินชีวิตมากมาย ผมได้พบเหตุการณ์ที่น่าจดจำและไม่น่าจดจำ ลิ้นของผมได้ลิ้มรสอาหารที่อร่อยและไม่อร่อย ผมได้ท่องเที่ยวในหลากหลายสถานที่แม้จะไม่ใช่ในโลกกว้างมากนักแต่ก็สามารถที่จะเดิมเต็มชีวิต... ให้มีชีวามากขึ้น
ในระหว่างทางยังมีเรื่องราวอีกจิปาถะ มากมาย ผ่านเข้ามาในชีวิต...ได้ตลอดเวลา
ป่ะ!!...พาชีวิตออกไปเที่ยวสัมผัสเรื่องราวระหว่างทาง กันดีกว่า
เมื่อเอ่ยถึง "พัทยา" เมืองตากอากาศระดับโลก หลายคนคงนึกถึง "เกาะล้าน" เกาะใหญ่ หาดสวย น้ำใส ที่ใครๆ ก็รู้จักดี
แต่...ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่า มีเกาะใหญ่อีกเกาะ ที่ทอดยาวห่างจากเกาะล้านไปทางทิศตะวันตก ร่วม 10 กว่ากิโลเมตร...แน่นอนมีหลายคนไม่เคยไปสัมผัส และอยากไปสัมผัส (รวมทั้งผมด้วย)
เกาะแห่งนี้ ผมได้ยินและได้สัมผัสเพียงจากคำบอกเล่าของชาวประมง คนเล ที่เดินทางออกไปหาปลา ถือเป็นเกาะในตำนานอีกเกาะแห่งท้องทะเลอ่าวไทย..."เกาะไผ่"
"เฮ้ย!!...หยาม นายสนใจไปเที่ยว เกาะไผ่ด้วยกันมั้ยวะ?..." โรจน์ เพื่อนสมัยเรียน ม.ปลาย แต่คนละห้อง ส่วน ม.ต้นเราเคยเรียนห้องเดียวกัน โทรหาผมกลางดึกเพื่อชวนไปเที่ยวเกาะไผ่ (หยามคือชื่อของผมที่เพื่อนๆมักเรียกในวัยเรียน)
"ไปๆ... เกาะไผ่ เรายังไม่เคยไปเลยหว่ะ อยากไปมากเพื่อน" ผมตอบโรจน์ โดยไม่ต้องคิดมาก เมื่อได้ยินชื่อ "เกาะไผ่" เกาะใหญ่อีกเกาะ ที่อยู่ห่างจากฝั่งพัทยา 20 กว่ากิโลเมตร
โรจน์ บอกผมว่า เราจะไปเรือ อ้วน (นิพนธ์) เพื่อนอีกคน ให้เตรียมเต้นท์ ไปด้วย เราจะไปนอนค้างที่เกาะไผ่กัน อาหารเครื่องดื่มเราหารกัน ส่วนค่าน้ำมันเรือ โรจน์จัดการเอง
แผนที่ พัทยา เกาะล้าน และ เกาะไผ่
วันนัดผมขับรถตู้เก่าๆของผมไปรับเพื่อนโรจน์ และ ลูกๆ ของโรจน์ ก่อนที่จะเลยไปรับ เพื่อนของผมอีกคนชื่อชาติ ตามด้วยเพื่อนๆ ของลูกชายโรจน์ อีก 2-3 คน พวกเราไปลงเรือที่ ท่าเรือแหลมบาลีฮาย
เราขนสัมภาระ ลงเรือเล็กของเพื่อนอ้วน ก่อนที่จะย้ายของขึ้นเรือสปีดโบ๊ตลำใหญ่ 3 เครื่องยนต์
ขนสัมภาระลงเรือลำเล็ก ก่อนไปขึ้นสปีดโบ๊ตลำใหญ่ของเพื่อนอ้วน
เรือสปีดโบ๊ท ลำใหญ่ 3 เครื่องยนต์ของเพื่อนอ้วน พาเราออกจากท่าเรือแหลม บาลีฮาย วิ่งฝ่าคลื่น ผ่านหน้าเกาะครก เกาะสาก และเกาะล้าน มุ่งหน้าสู่ เกาะไผ่ ที่มองเห็นอยู่ไกลออกไปลิบๆ
เพื่อนอ้วน กัปตันเรือผู้ขับสปีดโบ๊ท ฝ่าคลื่นที่ราบเรียบนำพวกเราไปถึงเกาะไผ่ ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที
"โน้น! หาดศพ ...ที่ชื่อหาดศพ เพราะบริเวณหน้าหาดมักเจอศพลอยเข้ามาเกยบนหาดนี้บ่อยๆ" อ้วนชี้มือ ให้ดูหาดศพ พร้อมกับอธิบายถึงที่มาของชื่อหาด ทำเอาผมขนลุกซู่เลยทีเดียว
เพื่อนอ้วนชี้ให้ดู "หาดหน้าบ้าน" ซึ่งเป็นที่ทำการและบ้านพักของทหารเรือ ที่มาดูแลเกาะ ก่อนขึ้นเกาะไผ่เราต้องขออนุญาต ทหารเรือก่อนทุกครั้ง และเสียค่าเหยียบเกาะ คนไทยหัวละ 50 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาทหรือเท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้
เพื่อนวัยเรียน
เพื่อนอ้วน ขับเรือไปทางด้านทิศตะวันตกของเกาะไผ่ ที่นั่นมีหาดที่สวยงามอีกหาดและยังคงความเป็นธรรมชาติมากตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะไผ่ ชื่อว่า "หาดยาว"
ที่เกาะไผ่จริงๆ แล้วทหารเรือไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืน เพราะเกาะแห่งนี้เปิดให้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไปเช้าเย็นกลับ เพื่อนอ้วนอาศัย ความคุ้นเคยกับพี่ๆทหารเรือ ที่พาทัวร์ชาวต่างชาติ มาเที่ยวบนเกาะไผ่บ่อยๆ เลยขออนุญาตได้ง่าย...
เพื่อนอ้วน บอก คืนนี้เป็นกรณีพิเศษ พวกเราจะกางเต้นท์ พักที่หาดยาวกัน เราต้องช่วยกันอนุรักษ์อย่าทำลาย ช่วยกันรักษาความสะอาด และจะมีพี่ๆทหารเรือมาเดินตรวจดูความเรียบร้อย
บริเวณหาดยาว เกาะไผ่
ที่หาดยาว มีร่ม มีเตียงผ้าใบ ที่เพื่อนอ้วนและเพื่อนๆเรือสปีดโบ๊ทนำมาเก็บไว้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางไปเที่ยวเกาะไผ่อยู่แล้ว พวกเราเลยจัดการ กางเตียง กางร่ม ทำเป็นที่ปิคนิคขนาดย่อม ได้อย่างสบาย
ในวันนั้นพรานเบ็ด น้องชายของเพื่อนอ้วน ชื่อหนู ได้นำปลาอินทรีย์ ปลาทรายแดง ฯลฯ สดๆ ที่ตกได้ก่อนหน้านั้นนำออกมาจากท้องเรือ มาทอด ปิ้งย่าง ทานกันอย่าง เอร็ดอร่อย
หนู พรานเบ็ดมือฉมัง
เพื่อนอ้วนลงมือชำแหละปลาอินทรีย์ที่ตกได้ ก่อนหน้านั้น
หมาทะเล ประจำเกาะไผ่
หลังจากจัดที่จัดทางเรียบร้อย ผมเลยถือโอกาสเดินสำรวจ หาดยาว จากหัวหาด ยันท้ายหาด
หาดยาว เป็นหาดที่มีความยาวร่วม 500 เมตรเห็นจะได้ บนหาดแห่งนี้มีที่ทำการ(ชั่วคราว) ของทหารเรือตั้งอยู่ มีห้องน้ำไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว แต่ผมสำรวจแล้วห้องน้ำทรุดโทรมมาก อีกทั้งน้ำจืด ไม่มี ใครจะเข้าส้วมต้องตักน้ำทะเล ขึ้นไปเอง
ที่หาดยาวแห่งนี้มีโขดหินสวยงามแปลกตา อยู่บริเวณหัวหาดและท้ายหาด และยังคงมีความสมบูรณ์ ของพืชพันธุ์ โดยเฉพาะต้นเทียน ที่ขึ้นเรียงรายเป็นพุ่มเงาให้พวกเรา มองดูร่มรื่น เป็นธรรมชาติมาก
ความสวยงาม ของหาดยาว บนเกาะไผ่
อันซีน...เกาะเหลือม
บ่ายคล้อยก่อนตะวันตกน้ำ เพื่อนอ้วนพา เรานั่งเรือเล็กนาม พรานเบ็ด ขับตะเวนเที่ยวชม รอบๆเกาะ ไปทักทายพี่ๆ ทหารเรือที่หาดหน้าบ้าน แถมยังขอพริกขอใบกระเพรากับทหารที่เขาปลูกไว้ซะอีกด้วย ก่อนจะขับเรือพาเรา วนชมเกาะบริวาร เช่นเกาะกึ่งบาดาล เกาะมารวิชัย และเกาะเหลือม
เพื่อนอ้วนขับเรือเล็ก พาพวกเราเที่ยวชมรอบๆเกาะไผ่และเกาะบริวาร
ความสวยงามของโขดหิน ของหมู่เกาะบริวาร ของเกาะไผ่
เกาะสุดท้าย ที่เพื่อนอ้วนพาพวกเราชมคือ เกาะเหลือม ที่อยู่ห่างจากเกาะไผ่ประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อนอ้วนเอาเรือเล็กเข้าไปเทียบ ที่เกาะ ซึ่งอ้วนบอกกับพวกเราว่า ชื่อหาดแห่งนี้คือ "หาดกรวด"
หาดกรวด เป็นหาดที่สวยงามแปลก มีความยาวเพียง 50 เมตรเห็นจะได้ บริเวณหาด เต็มไปด้วยกรวดก้อนมนๆ แบนๆ คล้ายกรวดแม่น้ำ ที่เรานำมาปูตกแต่งพื้นสวน
บริเวณหาด มีถ้ำลึกเข้าไป ผมไม่รู้ว่าถ้ำนี้ลึกเท่าไหร่ แต่สัมผัสได้กับกลิ่นขี้ค้างคาว ที่โชยออกมา บริเวณหน้าถ้ำที่เรายืนอยู่ หน้าป่องปากถ้ำมีหินชั้นๆตั้งเป็นเสาเอียง สวยงามมองดู อันซีนมาก
เราใช้เวลา อยู่ที่หาดกรวดไม่นานมากนัก
เสาหินหน้าถ้ำ
บริเวณหาดกรวด "เกาะเหลือม" มีถ้ำสวยงามแปลกตา อันซีนมากครับ
ก่อนที่เราจะผ่านเกาะเหลือมไปยังเกาะไผ่ ที่แหลมของหาดกรวด ยังมีหินที่เกิดจากน้ำเซาะ มีรูปร่างคล้ายช้างตัวใหญ่ ยืนเฝ้าเกาะอยู่ มันสวยงามจริงๆครับ
แหลมบริเวณหาดกรวด เราจะมองเห็นบั้นท้ายของช้าง และตัวช้าง ที่เกิดจากภูเขาหินที่โดนน้ำทะเลเซาะ
ระหว่างเกาะเหลือมและเกาะไผ่ จะมีเกาะเล็กๆ ใหญ่ประมาณสนามฟุตบอล กั้นอยู่ เพื่อนอ้วนอ้วนบอกเราว่า ชื่อ เกาะเหลือมน้อย
พอเราเดินทางกลับมาถึงหาดยาว ก็เป็นเวลาแดดร่มลมตก พอดี เลยจัดการก่อไฟ เพื่อปิ้งย่างอาหารทะเลสด และไล่ยุง ซึ่งค่อนข้างชุกชุมเมื่อตะวันลับฟ้า
เราย่างปลา ที่หนูพรานเบ็ดตกได้ ปลาทรายแดงสดๆ เมื่อทาเกลือแล้วย่าง ช่างหอมหวาน เข้ากับบรรยากาศริมทะเลซะเหลือเกิน ส่วนเพื่อนอ้วน พาเด็กๆ ขับเรือออกไปนอกเขตอนุรักษ์ บอกว่าจะไปดำหอย มาต้มให้กิน ออกไปไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมกับหอย ตาวัว หอยนมสาว ฯลฯ หลายสิบตัว
ย่างปลาทรายแดงสดๆ ริมทะเล
อ้วน ออกไปดำหอย(นอกเขตอนุรักษ์) ได้หอยนมสาว หอยตาวัว ฯลฯ มามากมาย
ปลาย่าง หอมหวานจริงๆ
เรานั่งเสวนากัน พร้อมกับกินปลาย่างสดๆ แทนข้าว จนตะวันคล้อย จมน้ำหายไปทางด้าน เกาะเหลือม ผมว่าบรรยากาศมันสุดยอดจริงๆ ที่มีโอกาสได้มาสัมผัส ตะวันตกน้ำ บนเกาะไผ่
พวกเราถือว่าโชคดีมาก ที่ค่ำคืนนั้นไม่มีฝน ทั้งๆก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน พายุเข้าพัทยา ทำให้เพื่อนๆหลายคนต้องถอนตัวจากทริปนี้ ทั้งๆที่ลงชื่อไว้หลายคน
ตะวันชิงพลบ ที่หาดยาว มองเห็นเกาะเหลือม อยู่เบื้องหน้า
เมื่อท้องฟ้าเริ่มปิด ดาวเริ่มระยับแสงเกลื่อนท้องฟ้า ยุงบนเกาะไผ่ ก็ยิ่งออกมาจากซอกหลืบมากขึ้น จนเราต้องก่อกองไฟเพื่อให้ควันไล่ยุง เรานั่งคุยกัน พร้อมกับดื่มด่ำ บรรยากาศริมหาดอย่างออกรส เราคุยทั้งเรื่องสมัยเรียน เรื่องอาชีพการงาน และอีกหลายเรื่องจิปาถะ
ช่วงหนึ่ง ที่เพื่อนอ้วน เล่าเรื่องราวบนเกาะต่างๆ ที่เราไปเยือนเมื่อช่วงบ่ายให้ฟัง อ้วนบอกว่า ทั้งเกาะไผ่ เกาะมารวิชัย เมื่อก่อน มีคนเข้ามาอาศัยหลายครัวเรือน ชาวประมงที่มาพักเรือหลบคลื่นลม ก็สร้างบ้านเรือนถาวรขึ้นบนเกาะ จนช่วงหลัง ทหารเรือต้องมาจัดการ และให้ย้ายออกจากเกาะจนหมด
มีอยู่หนึ่งเกาะ ที่ผมเคยได้ยินมานาน เป็นตำนานเรื่องเล่าจากชาวเรือ ว่าสมัยก่อนเกาะทั้งเกาะ เป็นที่ฝังศพของชาวบ้านเกาะล้าน ขนาดผมมึนๆ พอฟังแล้วยังขนลุกซู่ เพราะเมื่อก่อน เกาะๆนั้น ผมเคยไปจอดเรือตกปลา และขึ้นไปคุ้ยหอย บนเกาะแห่งนั้น
ค่ำคืน ที่หาดยาว บนเกาะไผ่
พวกเรานั่งคุยกันจนดึก ยิ่งดึกยุงยิ่งเยอะ คืนนั้นผมไม่ได้กางเต้นที่เตรียมไป อาศัยนอนบนเตียงผ้าใบ ตรงนั้นเลย โดยใช้ถุงนอนคลุมตัวเพื่อกันยุง ผมว่าค่ำคืนนั้น ยุงมาสังสรรค์ดูดบนตัวของพวกเรา คงเมามาย ไม่มากก็น้อย ฮ่าาาๆๆ
ตกดึก ที่หาดแห่งนี้ จะมีเสียงกุกกัก ก๊อกแก๊ก อยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็เป็นเสียงเดินบนใบไม้แห้ง แกร๊กๆ แต่ผมไม่กล้า ที่จะลืมตาขึ้นมาดู เพราะคุยเรื่องตำนานของเกาะไว้เยอะ
พอตื่นมาตอนเช้า จึงถึงบางอ้อ ว่าเสียงเหล่านั้น คือเสียงของหมา บนเกาะมาขโมยกิน อาหาร ขนมนมเนย ก้างปลาที่เราวางไว้แล้วไม่ได้เก็บนั่นเอง รู้มั้ยเมื่อคืนเสียงนั้นทำให้ผมไม่กล้าลุกขึ้นมาฉี่ ขนาดปวดจนท้องแข็งเป็ก ฮ่าาาๆๆ
แสงเช้าบังเหลี่ยม ยอดเขาของเกาะ ผมเลยไม่มีโอกาสเก็บแสงสวยยามเช้า อาหารเช้าของเราไม่มีข้าวแต่เป็นปลาอินทรีย์ทอด และหมึกต้มน้ำดำ
พวกเราใช้เวลาละเลียดบนหาดยาว ของเกาะไผ่ จนสายโด่ง จึงค่อยเก็บของขึ้นเรือ แล้วช่วยกันทำความสะอาดหาด ก่อนเดินทางกลับ
เพื่อนอ้วนบอกผมว่า เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมาเที่ยวที่พัทยากันมากและมักจะเช่าเรือ มาเที่ยวเกาะไผ่แบบ ไปกลับ แต่คนไทยน้อยคนที่จะรู้ ว่าเกาะไผ่ และหมู่เกาะบริวาร มีความสวยงามน่าเที่ยวขนาดไหน
เพื่อนอ้วนยังบอกผมอีกว่า ช่วงนี้ถ้ามีกลุ่มคนไทยอยากไปเที่ยวเกาะไผ่ ปิคนิค เล่นน้ำ ดำน้ำดูประการัง ในทริปไปเช้าเย็นกลับ อ้วนบอกพร้อมบริการ เพราะเรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่ รองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 40 คนเลยทีเดียว
ผมไปสัมผัสเกาะไผ่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกทั้งๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากพัทยามากนัก ได้ฟังเพียงตำนาน และเรื่องเล่าของเกาะ ...แต่ถึงครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจ ของความสด ความเป็นธรรมชาติ ไม่มีนายทุนบุกรุกขึ้นไปสร้างบ้านพัก รีสอร์ต ไม่มีการซื้อขาย บนเกาะมีการดูแลอนุรักษ์อย่างดี จากหน่วยทหารเรือ
การไปท่องเที่ยวเกาะไผ่ ต้องไปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไม่ทำลายธรรมชาติที่มีอยู่ ถ้าใครต้องการความสะดวกสบาย แบบเกาะพาณิชย์ทั่วๆไป ผมบอกได้เลยว่า ไม่ต้องไปเที่ยวเกาะไผ่
"เกาะไผ่"... เกาะแห่งตำนาน อีกหนึ่งประสบการณ์ ระหว่างทาง...ของผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น