วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สู่อีสานบ้านเฮา...บนขบวนรถไฟสุดคลาสสิค...ปู๊นนน! ปู้นนน!

นานมากแล้ว...ที่ผมไม่ได้สัมผัสบรรยากาศของการนั่งรถไฟ ครั้งหลังสุดที่ผมจำได้ที่ได้นั่งรถไฟก็คือไปชมงานพืชสวนโลกที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งนั้นครอบครัวผมจองตู้นอน ทั้งไปและกลับ เดินทางช่วงกลางคืน ก็เลยไม่ได้สัมผัสบรรยากาศสองข้างทางรถไฟสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ผ่านมา ๑๐ กว่าปีเห็นจะได้...
ถ้าย้อนหลังกลับไปสัก ๒๐ ปี ผมเคยชวนเพื่อนๆ จากพัทยา ๕-๖ คนนั่งรถไฟไปเที่ยว จังหวัดอุดรธานี ที่นั้นมีบ้านสวน ที่ พ่อและแม่ ของผมย้ายจากจังหวัดสกลนครมาซื้อที่ตั้งรกราก ทำสวน ทำไร่ อย่างถาวร หรือเรียกง่ายๆ ว่าบ้านของผมนั่นเอง...
การเดินทางครั้งนั้น ผมและเพื่อนๆยังเป็นวัยรุ่น อายุ ๒๐ กว่าๆ บางคนก็พึ่งเคยนั่งรถไฟเป็นครั้งแรก...แต่อย่างว่าแหละครับเมื่อเพื่อนสนิทมีโอกาสรวมกลุ่มกัน เดินทางไกลด้วยรถไฟ กับบรรยากาศที่สุดยอด สนุกสนาน ตู้โบกี้ หลังสุดเลยถูกกลุ่มของพวกเราจับจอง สั่งสุรามาดื่มกันเพียวๆ ตบตูดด้วยน้ำเปล่าตลอดการเดินทาง...จึงทำให้เจ้าบ้านเมาพาเพื่อนๆ หาทางไปบ้านที่จังหวัดอุดรฯ แทบไม่ถูก...จนนำมาเป็นเรื่องโจ๊ก เล่ากันจนถึงปัจจุบัน
ไม่กี่วันที่ผ่านมาผมมีภาระกิจ...ที่จำเป็นต้องเดินทางกลับไปยัง จังหวัดอุดรธานี อีกครั้ง ภรรยาผมบอกให้เดินทางด้วยเครื่องบิน...แต่ผมกับเลือกที่จะเดินทางด้วยขบวนรถไฟ ที่มีอายุมากกว่ารถคลาสสิคหลายๆคัน ที่มีหลายๆคนกำลังเห่อและสะสมซะอีก...
ผมตื่นตี ๔ ไปตีตั๋วรถทัวร์ ที่พัทยา เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ เอกมัย...วันนั้นฟ้าสางที่ ทางด่วนบูรพาวิถี ก่อนจะต่อรถไฟฟ้าสมัยใหม่ บีทีเอส ที่สถานีอ่อนนุช ไปลงอโศก ต่อรถไฟใต้ดินมหานคร  เอ็มอาที ไปลงหัวลำโพง ทันซื้อตั๋วรถไฟ ปลายทางอุดรธานีในเที่ยวเช้า ๘.๒๐  น.

ที่สถานีหัวลำโพง
ผมก้าวเข้าสู่หัวลำโพง พร้อมเป้ใบใหญ่สะพายติดหลัง...ที่ใครมองดูแล้วจะเหมือนนักท่องเที่ยวพวกแบ็กแพ๊ค ...ผมเดินหาช่องซื้อตั๋วไปจังหวัดอุดรธานีแต่...ไม่เจอ มาทราบอีกทีว่าการซื้อตั๋วรถไฟที่หัวลำโพงเปลี่ยนไปจากอดีต ปัจจุบันมีช่องซื้อตั๋วรวมทุกจังหวัด ทุกขบวน ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่แยกย่อยเป็นจังหวัด เป็นภูมิภาคคล้ายๆสถานีหมอชิตในปัจจุบัน
สถานีหัวลำโพง ในปัจจุบัน มีการจัดระเบียบดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ผมมองไม่เห็นคนจรจัด มาอาศัยนอนเหมือนเช่นอดีต มีการเดินตรวจตราของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันความปลอดภัยอย่างละเอียด
แต่ห้องน้ำ บางห้อง ที่หัวลำโพง ยังคงไร้กลอนเหมือนเดิม นั่งส้วม ต้องใช้มือดึงประตูไว้ ผมว่าห้องน้ำไม่ต้องอนุรักษ์แบบดั้งเดิมก็จะดี






ผมว่าตัวผมเองโชคดี ที่ยังมีโอกาสได้นั่งรถไฟสุดคลาสสิค ที่หลายๆ ประเทศเค้าเลิกวิ่งกันแล้ว ถ้าจะมีวิ่งก็คงเฉพาะในโอกาสพิเศษ แต่บ้านเรายังมีใช้งานกันแบบปกติ
ที่ผมเลือกนั่งรถไฟ กลับ อีสานบ้านเฮา เพราะ ผมชอบบรรยากาศบนรถไฟเนี่ยแหละ มันมีบรรยากาศที่เหมาะกับการถ่ายภาพ เก็บภาพได้มากมายเลยครับ ทั้งในบรรยากาศเรโทรกึ่งวินเทจ พอถ่ายออกมาก็กลายเป็นภาพคลาสสิค ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ

ผมว่าอีกไม่นาน รถไฟรุ่นคุณปู่ คุณย่า สุดคลาสสิคแบบนี้ คงสิ้นลมหายใจ เมื่อมีรถไฟขนผัก...เอ้ย...ความเร็วสูงเข้ามาแทนที่ และจะถูกปลดระวางไปเป็นของเก่าสุดคลาสสิคได้แบบเต็มตัว



 


 



 



จากกรุงเทพ...มุ่งสู่ อีสานบ้านเฮา
ปี พ.ศ. ๒๔๓๐ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เซอร์แอนดรู คลาก และ บริษัทปันชาร์ด แมกทักการ์ด โลเธอร์ ดำเนินการสำรวจเพื่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา และ พระองค์ท่านยังทรงพระราชทานพระบรมราชานุมัติให้กระทรวงโยธาธิการว่าจ้าง มิสเตอร์ จี. มูเร แคมป์เบลล์ สร้างทางรถไฟหลวงจาก กรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมา เป็นสายแรก เป็นทางขนาดกว้าง ๑.๔๓๕ เมตร และได้เสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีกระทำพระฤกษ์
นับจากวันนั้น จนถึงปัจจุบัน เส้นทางรถไฟหลวง มุ่งสู่ภาคอิสาน ยังคงถูกใช้งานจนถึงปัจจุบัน
รถดีเซลราง ตู้ปรับอากาศ ที่ผมตีตั๋ว ๔๐๐ กว่าบาทเดินทางออกจากสถานีหัวลำโพงตรงเวลา ๘.๒๐ น. เสียงรถไฟค่อยๆวิ่งดัง กึกกัก กึกกัก...เป็นเสียงที่ยังไม่เร่งความเร็ว ค่อยๆ ผ่านสถานีต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร...ผมถอดกระเป๋าเป้ออกจากหลัง วางไว้บนชั้นวางกระเป๋า ในตู้ปรับอากาศ...พร้อมกับเอนตัวลงนั่งบนเบาะที่อ่อนนุ่ม ก่อนจะมารู้ตัวเองทีว่าผมพลาดแล้วที่จองตั๋วตู้นี้...เพราะกระจกเปิดรับบรรยากาศ ภายนอกไม่ได้ ทำให้ถ่ายภาพไม่ถนัด ผมต้องถือกล้อง ย้ายก้นเดินไปนั่ง บนเบาะแข็งๆ แบบดั่งเดิมในตู้ชั้นประหยัด ...ตู้ปรับอากาศที่ผมตีตั๋ว จึงเป็นตู้เก็บกระเป๋าเป้ของผมเท่านั้นเอง



 


ถ้าชอบถ่ายภาพ...เก็บวิถี ชีวิต ทั้งบนรถ และ ริมทางรถไฟ ผมว่าไม่ผิดหวัง...เพราะจะทำให้เราได้ภาพ ที่หลากหลายของวิถี ช่วงแรก ที่รถไฟวิ่งในเขตเมืองหลวง และปริมณฑล รถไฟจะจอดเกือบทุกสถานี
ผู้โดยสาร ส่วนมากเท่าที่ผมเห็น จะเป็นกลุ่มชนชั้น กลาง ถึง รากหญ้า...ที่ยังคง อาศัยรถไฟในการเดินทาง





 



วันนั้นตั้งแต่รถไฟออกจากหัวลำโพง...ผมเดิน จากตู้ที่ ๑ ไปยันตู้สุดท้าย ชะโงกเก็บภาพด้านนอกรถไฟบ้าง ด้านในบ้าง สลับกันไป ...เมื่อรถไฟเคลื่อนตัวออกสู่นอกเมือง จะรู้สึกเพลิดเพลิน กับเรือกสวน ไร่นา วิถีชีวิตริมทางรถไฟ ที่มีความแตกต่างจากสังคมเมืองที่ผมได้พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน







 








ขบวนรถไฟเคลื่อนตัวเข้าสู่ ประตูแห่งภาคอิสาน เมื่อผ่านสถานีรถไฟแก่งคอย เข้าสู่ปากช่อง...พอถึงช่วงนี้ผมใจจดใจจ่อ เพื่อจะได้เห็นรถไฟ เดินทางเลาะเลียบ ลำตะคอง...ในเขตจังหวัดนครราชสีมา เพราะแต่ก่อนเมื่อผมนั่งรถไฟผ่านจุดนี้ มักจะเมาหลับ แถวๆตู้เสบียงนั่นเอง...พลาดทุกครั้งไป

 
โรงงานปูนแถวสระบุรี



 


สวนดอกดาวเรือง แถวมวกเหล็ก




สถานีปากช่อง

ตำรวจตามจับผู้ร้ายริมทางรถไฟ



เลาะเลียบเขื่อนลำตะคอง


ผมชอบนั่งรถไฟ เพราะได้เห็นวิถี ที่ชัดเจน ได้รู้ว่า ชีวิตคนสลัมส่วนใหญ่จะอาศัย อยู่ข้างๆริมทางรถไฟ ได้เห็นชาวไร ชาวนากำลังงานในหน้าที่ของตัวเอง ได้เห็นพ่อค้า แม่ขายขึ้นมาขายของบนรถไฟ จากสถานีหนึ่ง แล้วไปลงอีกสถานีหนึ่ง ได้เห็นผู้คนที่มีอยู่หลากหลายชีวิต หลากหลายสถานะ ฯลฯ... แค่นี้ผมก็ถือว่าคุ้มแล้วสำหรับ เวลาที่หดหายไปบ้างของการเดินทางที่ยาวนาน บนรถไฟไทย





 

 
 

 

ไม่น่าเชื่อ...ว่าวันนั้นผมใช้เงินซื้อความสุขจากตั๋วรถไฟ กับการได้อยู่ในตู้สี่เหลี่ยมเคลื่อนที่...เดินไปมาจากหัวขบวนจนถึงท้ายขบวน โดยไม่มีอาการง่วงนอน มีแต่ความตื่นเต้น เมื่อรถไฟผ่านสิ่งแปลกตา และแปลกใหม่ สำหรับผม เวลาในการเดินทาง ๑๐ ชั่วโมง จากหัวลำโพง ถึงสถานีปลายทาง อุดรธานี ...ถ้าไม่มีความรีบร้อนนัก นั้นถือว่าคุ้ม สำหรับผม
ความสุขของการเดินทางด้วยรถไฟไม่ได้อยู่ที่ปลายทางที่ผมจะไป แต่ความสุขจะอยู่ระหว่าง...ราง
เป็นการเดินทางแบบสโลว์ไลฟ์และเป็นการสอนให้ผมรู้จักมองโลกในแง่มุมที่ดีขึ้นอีกด้วยครับ

John Denver - Take Me Home, Country Roads

แกลอรี่รูปภาพTiewZogZag