วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวซอกแซก...วังเวียง สปป.ลาว (ตอนที่๕)

ถนนสายฝุ่น...มุ่งสู่ "บลูลากูน"
เราเปลี่ยนไปขึ้นรถสองแถว คันเล็ก ที่มาจอดรอรับยังท่าเรือหางยาวที่จอดเรียงรายสีสวยสด ที่นี่คือจุดสิ้นสุดเส้นทางการท่องเที่ยวในแบบแอดเวนเจอร์พายเรือคายักล่องลำน้ำซองในระยะทาง ๗ กิโลเมตร...สองแถวกำลังจะพาเรามุ่งหน้า ไปสู่ "บลูลากูน" สถานที่เล่นน้ำ ยอดฮิต
ที่ "บลูลากูน" นักท่องเที่ยวต่างนิยมไปกระโดดเล่นน้ำลงมาจากต้นไม้สูง...ถือเป็นไฮไลท์ ของที่นี่
ตั้งแต่เช้า ที่เราซื้อแพ๊คเก็ตทัวร์ในวังเวียงเพื่อท่องเที่ยวในแบบแอดแวนเจอร์ ทั้งการเดินผ่านทุ่งนาเข้าไปนั่งห่วงยางลอดถ้ำน้ำ ชมถ้ำช้าง นั่งกินบาร์บีคิว บาเก็ตในมื้อเที่ยง แล้วก็ล่องลำน้ำซองโดยการพายเรือคายัค ...ในขณะที่เรานั่งรถสองแถวเล็กเดินทางเข้าสู่ บลูลากูน ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มันเป็นเวลา บ่ายสองโมงกว่าๆ เรามีเวลาเล่นน้ำที่นั่นประมาณ ๓ ชั่วโมง



บนสองแถวเล็ก  มีนักท่องเที่ยวหนุ่มสาว ชาวเกาหลีอีก ๒ คน ขอขึ้นมาด้วย ...บนรถจึงมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น ๕ คนสองสัญชาติรถพาเราเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ มีหินทรายก้อนเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ก่อนที่จะข้ามสะพานไม้ข้ามลำน้ำซอง ที่ขึงยึดด้วยลวดสลิงเหล็กขนาดใหญ่
เส้นทางที่นำเข้าสู่ บลูลากูน เป็นเส้นทางที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ...คล้ายเส้นทางเข้าสู่ชนบทที่ไกลปืนเที่ยงในบ้านเราเมื่อสมัย ๓๐ หรือ ๔๐ ปีก่อน
ถนนเส้นนี้ที่วังเวียงทำให้ผมมีรู้สึกว่าได้กลับไปย้อนอดีตในวัยเด็กอีกครั้ง
ฝุ่นสีแดง ออกส้ม ที่ปลิวกระจายเมื่อเวลารถที่เรานั่งวิ่งผ่าน หรือเมื่อเวลามีรถสวน...ในอดีตวัยเด็กเคยทำให้หัวของผมแดงเถือกเป็นฝรั่ง อีกทั้งทำให้ขี้มูกอันเขียวข้น ที่กำลังหยดย้อยลงมาจนเกือบจะถึงปาก แล้วมีฝุ่นสีแดงปลิวไปเกาะ จนแลดูเกอะกรังเมื่อใช้แขนป้าย...เป็นที่ขบขันของผู้ใหญ่ ในขบวนผ้าป่า ขบวนกฐิน หรืองานบุญ วัด ในถิ่นกันดารที่ผมมักจะร้องติดสอยห้อยตามคุณยายไปตลอด...ผมยังจำภาพเหล่านั้นได้
มาวันนี้ที่วังเวียง...บนเส้นทางเข้าสู่ "บลูลากูน" ฝุ่นสีแดง ทำให้หัวของผมแดงอีกครั้ง ขาดเพียงขี้มูกที่ย้อยหยดเท่านั้นเอง






ระยะทางกว่า ๖ กิโลเมตร ที่รถสองแถวเล็ก พาเราวิ่งฝ่าถนนลูกรังที่มีฝุ่นสีแดง ผ่านทุ่งนาที่เหลือแต่ตอของซังข้าวสีเหลือง ซึ่งทำการเก็บเกี่ยวแล้ว มีฉากหลังเป็นเทือกเขาหินปูนที่มองดูยิ่งใหญ่อลังการ ซึงเป็นสัญลักษณ์ของวังเวียง ถนนสายเล็กๆ ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาทั้งสองด้าน
ถนนลูกรังที่มีฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจาย ทุ่งนา ขุนเขา และวิถีชาวลาวริมสองฝั่งถนน สุดยอดมากครับ ถูกใจผมเลย  เล่นทำเอาผม กระเด็นกระดอน โยกซ้ายโยกขวา ไปตามถนนที่ขรุขระ เมื่อผมผลุดลุกผุดนั่ง กดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพอันสวยงาม ริมสองฝั่งของเส้่นทาง

บลูลากูน...สระน้ำมรกต

รถเลี้ยวเข้าสู่ซุ้มประตูไม้ แล้วจอดให้เราไปจ่ายค่าธรรมเนียม เพื่อเข้าสู่ บลูลากูน สระน้ำมรกต เรานัดแนะเวลากับคนขับรถสองแถวเล็กเพื่อบอกเวลากลับ...ร้านค้าของที่ระลึก บริเวณลานจอดรถ น่าจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่นับวัน จะเดินทางเข้ามามากยิ่งขึ้น
 เบื้องหน้าคือภูเขาหินปูนที่มีต้นไม้ขึ้นเขียวครึ้ม  ผมรู้สึกถึงอากาศที่เย็นลง เมื่อกำลังเดินข้ามสะพานไม้ ที่ทอดข้ามบลูลากูนสระน้ำสีเขียวมรกต ที่อยู่ภายใต้ต้นไม้ร่มครึ้ม แห่งนั้น
เรามาถึงบลูลากูน เกือบจะบ่ายสามโมง จึงมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ มองไปบนต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่มีกิ่งขนาดใหญ่โน้มลงมาเหนือสระน้ำ ที่นั่นคงเป็นจุดถ่ายรูปหรือกระโดดน้ำของนักท่องเที่ยว ผมมองเห็นนักท่องเที่ยวนานาชาติ ยืนเข้าแถวเรียงคิวเพื่อรอกระโดดน้ำจากต้นไม้สูงต้นนั้น
น้ำในสระค่อนข้างลึก ถึงลึกมาก ดูจากระยะความสูงของกิ่งไม้ขนาดใหญ่ ที่นักท่องเที่ยวไปยืนรอเพื่อที่จะกระโดด ...พอๆกับตึก ๒ ชั้นเลยทีเดียว
โชคดีเราได้ม้าหินอ่อนที่นักท่องเที่ยวเจ้าถิ่นพึ่งลุกเป็นที่นั่ง...ส่วนศาลาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ถูกจับจองไว้หมดแล้ว...พื้นที่วันนี้ค่อนข้างเต็ม จึงเห็น จึงเห็นนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม เอาเสื่อไปปูนั่งบนสนามหญ้า หรือลานดิน





ผมเดินสำรวจบลูลากูน คร่าวๆ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะ...ทราบว่าด้านหลังบลูลากูน คือทางขึ้นไปถ้ำปูคำ ซึ่งอยู่บนภูเขา เห็นว่าเส้นทางค่อนข้างชัน เราไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวถ้ำ จึงไม่ได้ขึ้นไปที่นั่น รอบๆ บลูลากูน มีศาลาริมน้ำ มีร้านขายอาหารและห้องน้ำ
เราสั่งอาหารหลักยอดนิยม มานั่งทาน นั่นคือข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ตบตูดเบาๆด้วย เบียร์ดำลาวเย็นๆ...ก่อนผลัดกันไปกระโดดเล่นน้ำ บนต้นไม้เหนือสระน้ำสีมรกต



























ภาพบรรยากาศ รอบๆ บลูลากูน สระน้ำมรกต

ที่ บลูลากูนหรือสระน้ำมรกต...ในวันนั้นคราคร่ำไปด้วย นักท่องเที่ยวหนุ่มสาว นานนาชาติ ที่สนุกสนานกับการกระโดด จากต้นไม้สูงลงสู่ผืนน้ำ ทำให้เรา ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ของที่นี่ ก็พลอยสนุกสนานไปด้วย
นักท่องเที่ยวคนใด เมือขึ้นไปยืนอยู่บนกิ่งไม้สูงนั้นแล้วไม่กล้ากระโดด ก็จะถูกนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ริมสระตบมือเชียร์ ปลุกเร้า เพื่อให้เกิดความกล้า ...เป็นที่สนุกสนาน
พอถึงคิวของผมเลยต้องรีบหลับหูหลับตากระโดด...เพราะผมไม่อยากให้นักท่องเที่ยวที่ยืนชมอยู่ข้างล่างตบมือเชียร์

บนถนนสายฝุ่น...อีกครั้ง
รถสองแถวเล็กหันหัวแล่นออกมาจากบลูลากูน เมื่อพวกเราพร้อม นักที่เที่ยวเกาหลีที่มาในรถคันเดียวกันพร้อม  ขากลับผมขอไปนั่งหน้าคู่กับคนขับ เพื่อจะได้บันทึกภาพสองข้างทางผ่านกระจกหน้ารถ เสียดายที่บนรถคันของเรา มีนักท่องเที่ยวคนอื่นติดมาด้วย ไม่งั้นผมจะขอให้คนขับหยุดรถบ่อยๆ เพื่อลงไปถ่ายภาพ และซึมซับบรรยากาศ...เมื่อถึงจุดที่ผมประทับใจ
แต่เมื่อตะวัน...ที่วังเวียงกำลังจะลับฟ้า ส่งแสงสวยผ่านเทือกเขาและท้องนา ผมก็สะกิดให้อ้ายคนขับ จอดรถแล้วก็รีบวิ่งลงไปบันทึกภาพ อย่างรีบเร่ง แล้วก็วิ่งมาขึ้นรถ เพราะความเกรงใจนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี...ที่มองไม่เห็นความงามนั้นเหมือนอย่างที่ผมเห็น

ลานจอดรถ บลูลากูน

วิถีริมเส้นทางสายฝุ่น















ผมบอกให้อ้ายคนขับรถสองแถวเล็ก จอดรถเพื่อลงไปบันทึกภาพ



ขรัว (สะพาน)ข้ามลำน้ำซอง ไป บลูลากูน

ถนนขรุขระ ที่คลุ้งไปด้วยผงฝุ่นสีแดง...มองดูไม่สวยงามราบเรียบ
แต่เมื่อได้เดินทางท่องเที่ยวแล้วทำให้เรามีความสุข...เราก็พอใจแล้ว





เก็บตะวัน...ริมลำน้ำซอง

เพื่่อไม่ให้วันสุดท้าย ในวังเวียงผ่านไปอย่างจืดชืด ผมชวนภรรยาและลูกสาว ไปนั่งทานข้าว จิบเบียร์ลาว และชมตะวันตก ริมลำน้ำซอง...เราได้ที่นั่งสุดชิลล์ริมน้ำ เราสั่งอาหารเมนูปลาน้ำซองมาทาน ทั้งลาบ ทั้งพร่า ต้มยำฯลฯ
บรรยากาศยามเย็น ริมน้ำซอง สวยงาม เรานั่งมองดูนักท่องเที่ยว ที่ล่องลำน้ำซอง ด้วยเรือหาง เรือคายัก เริ่ม ทะยอยพายเข้าสู่ที่พักเมื่อตะวันกำลังจะลับฟ้า
บนสะพานไม้ มีกลุ่มนักท่องเที่ยว ไปยืนออเพื่อรอบันทึกภาพ แสงยามเย็นที่สะท้อนลำน้ำซองได้อย่างสวยงาม
ผมก็คนหนึ่่งที่เดินเก็บภาพ บรรยากาศยามเย็น ริมลำน้ำซอง...ณ วังเวียง









บรรยากาศยามเย็น ริมลำน้ำซอง

ร้านอาหาร ที่เรานั่งริมน้ำซอง




นักท่องเที่ยว ที่ล่องลำน้ำซองในช่วงเย็น

อาหารกำลังอร่อย บรรยากาศริมน้ำซองกำลังไปได้สวย...แต่ฝนกำลังจะตก
เมฆฝนตั้งเค้า ได้ไม่นาน...เม็ดฝนก็โปรยปราย ลงมา เราต้องเปลี่ยนบรรยากาศ จากการนั่งดื่มด่ำริมลำน้ำซอง เข้าไปนั่งในร้านแทน
เมื่อฝนซาและทิ้งฟ้าสีเทาทึมไว้ ก็เข้าสู่บรรยากาศยามค่ำคืนของวังเวียงอีกครั้ง





ที่หน้าระเบียงห้องพักเล็กๆ ริมลำน้ำซอง...ผมไม่ลืมที่จะหิ้ว เบียร์ดำลาว ขวดเล็กขึ้นมาจิบแกล้ม บาร์เก็ตหน้าห้อง
ผมนั่งมองเทือกเขาหินปูน ที่ตั้งตะหง่านอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับลำน้ำซอง...พรุ่งนี้เช้า ก่อนที่ผมจะเดินทางไปเที่ยวต่อที่ หลวงพระบาง ผมจะเดินข้ามสะพานไปถ่ายภาพ บรรยากาศยามเช้าที่นั่น



วังเวียง...ในค่ำคืนสุดท้ายของเราเริ่มปิดม่าน เมื่อเสียงเพลงฝรั่งในแนวเร้กเก้ จากบาร์ใกล้ๆ เริ่มเงียบเสียง ...เบียร์ลาวดำ หยดสุดท้าย และบาเก็ตคำสุดท้ายกำลัง จะถูกผมกลืนลงสู่ลำคอ ...ผมเอามือลูบพุงที่เริ่มโต คงจะมีผลจากเบียร์และบาเก็ตที่แสนอร่อย ติดมัน
อ่อ!!...ผมเกือบลืมว่าที่นี่ ยังมีโรตี รอบดึกขาย...อย่าลืมเดินไปซื้อกินกันนะครับ 
พรุ่งนี้เรามีโปรแกรมเดินทางต่อ เพื่อไป "หลวงพระบาง" แล้วเจอกันที่นั่นครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แกลอรี่รูปภาพTiewZogZag